[แจก] ส่วนลด Hungry Hub แอปพลิเคชัน สำหรับคนรักบุฟเฟ่ต์! (พร้อมรายชื่อร้านเด่นร้านดัง)

– ดีลสุดคุ้ม คุมงบได้ จ่ายราคาเน็ต สิทธิพิเศษมากมาย เพียงจองผ่านระบบ Hungry Hub แหล่งรวมบุฟเฟ่ต์อันดับ 1 ของไทย! –


เมื่อสมัครสมาชิกให้กรอกโค้ด “REF-E5JKR” ในช่อง Referral Code หรือ Promotion Code เพื่อรับ 150 Hungry points แลกเป็นเงิน 150 บาทเพื่อใช้เป็นส่วนลดในครั้งถัดไป

*ของแถมท้ายบทความมีรวบรวมลิ้งรีวิวร้านอาหารจาก “Hungry Hub” แบบฟินๆ พร้อมลิ้งจอง


สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ ภพ อยากมาแนะนำแอปพลิเคชันยอดนิยมที่การันตีด้วยผู้ใช้บริการกว่าครึ่งล้านคน!! อย่างแอปพลิเคชัน “Hungry Hub” ดีลร้านอาหารสุดคุ้มกับแนวคิดที่ไม่มีใครเหมือน ที่ให้เพื่อนๆ คุมงบได้ พร้อมเปลี่ยนร้านอาหารธรรมดา และชื่อดังมากมายให้มีบริการ All You Can Eat และยังสามารถสำรองที่นั่งได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพของคนไทยที่ปฏิวัติวงการอาหารเลยก็ว่าได้ ภพ เองก็มีโอกาสใช้บริการบ่อยครั้ง เพราะเป็นนักกิน นักรีวิวอาหาร และชื่นชอบบุฟเฟ่ต์เช่นกัน ใช้ในการจองร้านอาหารต่างๆ ทั้งไปรีวิว และกินเอง ทั้งสะดวก คุ้มค่า คุมงบได้ จึงอยากมาแนะนำเพื่อนๆ ที่ยังไม่รู้จัก หรือรู้จักอยู่แล้วให้รู้จักมากขึ้น แล้ว ภพ เชื่อว่าคนรักบุฟเฟ่ต์จะต้องหลงรักแอปพลิเคชันนี้อย่างที่ ภพ หลงรักแน่นอน


ภาพรวมของ “Hungry Hub”

วันเดินทาง/ใช้บริการ : วันอังคารที่ 13 มิถุนายน 2563

  • Hungry Hub (ฮังกรี้ฮับ) คือ
    • สตาร์ทอัพไทย แอปดีลร้านอาหารสุดคุ้มกับแนวคิดที่ไม่มีใครเหมือน ให้บริการจองร้านอาหารชั้นนำในประเทศไทย กับดีลสุดคุ้ม คุมงบได้ จ่ายราคาเน็ต พร้อมสิทธิพิเศษที่มอบให้เฉพาะลูกค้าที่จองผ่านระบบ Hungry Hub เท่านั้น ไม่ต้องกังวลกับปัญหางบบานปลาย ทานอาหารไม่อิ่มอีกต่อไป มั่นใจได้ว่าคุณจะอิ่ม อร่อย กับเมนูคุณภาพในบรรยากาศดี ๆ พร้อมดีลที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ณ ร้านอาหารกว่า 250 ร้านทั่วกรุงเทพ เชียงใหม่ และ ภูเก็ต
  • รูปแบบการบริการ ณ ปัจจุบันมี 5 แบบ
    • All You Can Eat (ออลยูแคนอีท) : ให้ลูกค้าได้อิ่มอร่อยได้ไม่อั้นในเวลา 2 ชั่วโมง เหมาะสำหรับทุกท่าน
    • Party Pack (ปาร์ตี้แพ็ก) : ชุดอาหารสุดคุ้มแสนอร่อยที่คัดสรรและออกแบบมาสำหรับแชร์กันระหว่างเพื่อนฝูง/ครอบครัวในร้านชั้นนำพร้อมราคาสุดพิเศษ
    • Buffet Plus (บุฟเฟ่ต์พลัส) : นอกจากจะอร่อยไม่อั้นที่ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ชั้นนำแล้วยังจะได้รับสิทธิพิเศษที่มอบให้สำหรับลูกค้า Hungry Hub เท่านั้น
    • Hungry Lunch (ฮังกรี้ ลั้นซ์ ) : อิ่มอร่อยไปกับหลากหลายร้านอาหารที่คัดสรรแต่เมนูเด็ดมาเสิร์ฟเป็นชุดมื้อกลางวันสุดคุ้ม ทานได้ทุกวัน!!
    • Hungry Hub @ Home (ฮังกรี้ฮับ แอท โฮม ) : เกิดขึ้นในช่วง Covid-19 จัดอาหาร Set Menu เป็นแพ็คเก็จสุดคุ้ม ให้เลือกหลากหลาย และลูกค้าสามารถเลือกเองว่าจะไปรับเองที่ร้าน (Take Away) หรือส่งที่บ้าน (Delivery)
  • ระบบบริการ
    • จองแพ๊กเกจร้านอาหารต่างๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านทางแอปพลิเคชัน “Hungry Hub” ในสมาร์ทโฟน หรือบนเว็บไซต์ https://www.hungryhub.com/ ได้สะดวก รวดเร็ว ง่าย และฟรี!
  • ทีมงาน
    • ทีม Hungry Hub เริ่มต้นกันมาในปีพ.ศ. 2557 จากการสร้างและพัฒนาระบบการจองโต๊ะอาหารที่ฟรีและใช้ง่าย จากนั้นได้พัฒนาเพิ่มเติมเกิดเป็นคอนเซ็ปใหม่ในการทานอาหารที่เราเรียกว่า Hungry Hub – All You Can Eat ขึ้นมาเมื่อปี 2559 ธุรกิจของเราได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดมากกว่า 10 เท่าในปี พ.ศ. 2560-2561
  • ช่องทางติดต่อ

Hungry Hub เป็นสตาร์ทอัพของคนไทยที่ปฏิวัติวงการอาหารเลยก็ว่าได้ ภพ เองก็มีโอกาสใช้บริการบ่อยๆ เพราะเป็นนักกิน นักรีวิวอาหาร และชื่นชอบบุฟเฟ่ต์เช่นกัน ใช้ในการจองร้านอาหารต่างๆ ทั้งไปรีวิว และกินเอง จึงอยากมาแนะนำเพื่อนๆ ที่ยังไม่รู้จัก ให้รู้จักมากขึ้น

Hungry Hub เปิดตัวด้วยคอนเซ็ปต์ระบบจองร้านอาหาร 24 ชั่วโมงที่แรกของไทย จากนั้นจึงได้พัฒนามาสู่แนวคิดแนวคิด All You Can Eat เกิดจากคุณสุรสิทธิ์ต้องพาทีมไปเลี้ยงข้าวบ่อยๆ แต่มักไม่ค่อยอยากพาไปที่ร้านบุฟเฟ่ต์ เนื่องจากบุฟเฟ่ต์นั้นแต่ละคนจะต้องเดินไปตักอาหาร ทำให้ไม่ได้คุยกันอย่างเต็มที่ แถมบุฟเฟ่ต์ส่วนใหญ่มีเวลาให้เพียงแค่ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น หรือบางที่คุณภาพอาหารไม่ดีเมื่อเทียบกับราคา ทำให้กินเลี้ยงพนักงานส่วนใหญ่ที่ร้าน A La Carte แทน โดยมีงบ (ในใจ) ต่อหัวไว้ เช่นมีงบหัวละ 500 แต่พอบิลมาจริง ค่าอาหารออกมาเฉลี่ยแล้วหัวละเกือบพัน จึงอยากสร้างธุรกิจแนวใหม่ที่จะช่วยให้การกินเลี้ยงแบบกลุ่มใหญ่สามารถคุมงบได้ และได้ทานอาหารดีๆ ได้ลองเมนูใหม่ๆ ที่ไม่เคยลองในขณะเดียวกัน

ทุกวันนี้ถ้าไปร้านอาหารที่ไปทานไม่รู้ว่าบิลจะมาเท่าไหร่ แต่เราจะทำให้คุณรู้ และสามารถควบคุมงบสำหรับอาหารมื้อนั้นได้ง่ายๆ ด้วยเอ็กซ์คลูซีฟดีลในแอปของ Hungry Hub ลูกค้าเพียงเลือกวัน เวลา และจำนวนคนที่ต้องการจอง จากนั้นเมื่อถึงวันจองก็เข้าไปใช้บริการได้ทันที ทุกคนสามารถสั่งอะไรก็ได้ที่อยากกินที่อยู่ในเมนู All You Can Eat แต่จ่ายราคา NET ต่อคน

 สุรสิทธิ์ สัจจะเดว์ (CEO และ Co-Founder ของ Hungry Hub)

จากจุดเล็กๆ ของไอเดีย กลายมาเป็นความคุ้มค่าที่หาไม่ได้จากที่อื่น สร้างผลดีต่อฝ่ายลูกค้าและร้านอาหาร ในส่วนของ “ลูกค้า” ก็จะได้มีประสบการณ์ในการทานร้านอาหารใหม่ๆ โดยหมดกังวลเรื่องค่าอาหาร สามารถสั่งกี่จานก็ได้ในเมนูที่กำหนด ซึ่งเป็นเมนูเด่นๆ ของร้านมากว่า 70%  ทำให้ลูกค้าสามารถลองหลายๆ เมนูโดยที่ไม่ต้องดูราคาก่อนที่จะสั่งด้วยซ้ำ ในขณะที่ทางฝั่งร้านอาหารก็ได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มใหญ่

จากนั้น Hungry Hub จึงเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้น โดยยังคงคอนเซ็ปต์เดิมในเรื่องคุมงบได้ในทุกมื้อ เช่น  Party PackBuffet Plus, Hungry Lunch และล่าสุด Hungry Hub @ Home ในช่วง Covid-19


ร้านอาหารยอดฮิตที่เข้าร่วมกับ Hungry Hub

ร้านอาหารระดับ MICHELIN

ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ

ร้านอาหารในเครือ “รสดีเด็ด” โดดเด่นเรื่องเนื้อ

ร้านปิ้งย่าง

ร้านอาหารซีฟู้ด

 

ร้านอาหารไทย

ร้านอาหารญี่ปุ่น

  • จุกๆ กับ Neta Grill บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง ซีฟู๊ด และอาหารญี่ปุ่น!

    • โปรโมชั่น All You Can Eat มี 2 โปรโมชั่น
      • Neta Exclusive Unlimited with Drinks เมนูพิเศษ​ ซูชิฟัวกราส์ ไม่อั้น! + บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างจัดเต็ม ซูชิ ซาชิมิ กุ้งแม่น้ำ เนื้อแกะ เนื้อวากิว มากกว่า 100 เมนู (รวมเครื่องดื่ม) 850 บาทสุทธิต่อคน จำกัดเวลาที่ 90 นาที 
      • Uni Sushi Unlimited with Drinks เมนูพิเศษ​ ซูชิไข่หอยเม่นอิคุระ ไม่อั้น! + บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างจัดเต็ม ซูชิ ซาชิมิ กุ้งแม่น้ำ เนื้อแกะ เนื้อวากิว มากกว่า 100 เมนู (รวมเครื่องดื่ม) 1499 บาทสุทธิต่อคน จำกัดเวลาที่ 90 นาที
    • สามารถจองโต๊ะได้จากลิงค์: https://bit.ly/341I1kJ (ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น Walk-in ไม่ได้ )

ร้านอาหารเกาหลี

 

ร้านอาหารอินเดีย

 

 

ร้านอาหารจีน

 

ร้านอาหารฟิวชั่น


การสมัครใช้งานในเวอร์ชั่น Smart Phone

ขั้นตอนที่ 1

เข้าไปที่ App store หรือ Play store

ขั้นตอนที่ 2

ทำการค้นหาแอปพลิเคชัน Hungry Hub ในช่องค้นหา

ขั้นตอนที่ 3

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Hungry Hub ลงบนสมาร์ทโฟน

เปิดแอปพลิเคชัน Hungry Hub ขึ้นครั้งแรกจะเป็นหน้าจอให้สมัครแบบนี้

ขั้นตอนที่ 4

จากนั้นกรอกข้อมูลดังต่อไปนี้

  1. ชื่อ (Name)
  2. Email Address
  3. Password
  4. หมายเลขโทรศัพท์ (Phone Number)
  5. วันเกิด (Birthday)
  6. *Referral Code ให้กรอก “REF-E5JKR”
    *เพื่อรับ 150 Hungry points แลกเป็นเงิน 150 บาทเพื่อใช้เป็นส่วนลดในครั้งถัดไป
  7. กด Submit

เพียงเท่านี้เราจะเป็นสมาชิกของแอปพลิเคชัน Hungry Hub โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นแล้ว ซึ่งสามารถสมัครใช้งานด้วยการเชื่องต่อกับบัญชี Facebook ได้อีกหนึ่งวิธี

ขั้นตอนการจองร้านอาหารในเวอร์ชั่น Smart Phone

ขั้นตอนที่ 1

เปิดแอปพลิเคชัน Hungry Hub ขึ้นมา

ขั้นตอนที่ 2

ทำการ Log in ด้วย Email Address และ Password ที่ใช้สมัคร

เมื่อทำการ Log in สำเร็จแอปพลิเคชัน Hungry Hub จะขึ้นหน้าจอแสดงโปรโมชั่นต่างๆ จากร้านอาหารดังมากมายให้เราเลือก

ขั้นตอนที่ 3
ค้นหาร้านอาหารที่ต้องทำการจองที่ช่องค้นหาแล้วเลือกร้านที่ถูกต้อง

จากตัวอย่างนี้ ภพ กำลังจะจองไปใช้บริการร้าน “Copper International Buffet” ซึ่งเมื่อเข้ามาแล้วจะเป็นหน้าจอที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับร้าน คะแนน ดาว เวลาเปิด-ปิด ที่อยู่ แพ็กเกจ การบริการ ราคา รีวิวจากทั้ง Blogger รีวิวจากผู้ใช้จริง รวมถึงคำสั่งจองโต๊ะ (ฺBook A Table) และสั่งกลับบ้าน (ฺOder Now)

เมื่อเราตัดสินใจได้แล้วจะเลือกบริการ และแพ็กเกจแบบไหนได้แล้ว ก็ให้ไปที่ขั้นตอนต่อไป

ขั้นตอนที่ 3

เลือก “Book A Table” เพื่อจองโต๊ะไปใช้บริการที่ร้าน หรือ “Oder Now” เพื่อสั่งกลับบ้านในรูปแบบอื่นๆ ที่อยู่ด้านล่างสุดของจอ (กรณีของ ภพ คือ “Book A Table”)

ขั้นตอนที่ 4

เลือกจำนวนคนที่จะไปใช้บริการ

ขั้นตอนที่ 5

เลือกวัน และเดือนที่จะไปใช้บริการ

ขั้นตอนที่ 6

เลือกช่วงเวลาที่จะไปใช้บริการ

ขั้นตอนที่ 7

เลือกแพ็กเกจที่จะไปใช้บริการ

ขั้นตอนที่ 8

กรอกข้อมูลจำเป็นดังต่อไปนี้

  1. ชื่อ (Name) นามสกุล (Surname)
  2. หมายเลขโทรศัพท์ (Phone Number)
  3. Email Address
  4. คำขอพิเศษ (Request) ช่องนี้สามารถเว้นไว้ได้หากไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เช่น อาหารที่แพ้ เป็นต้น

*หมายเหตุ สำหรับข้อมูลคนแรกระบบจะใส่ให้โดยอัตโนมัติหาก Log in ขณะทำการจอง

ขั้นตอนที่ 9

กรอกข้อมูลจำเป็นตั้งต่อไปนี้ (ตามจำนวนคนที่ไปใช้บริการ)

  1. ชื่อ (Name)
  2. นามสกุล (Surname)
  3. หมายเลขโทรศัพท์ (Phone Number)
  4. สามารถเลือกได้ว่าไปใช้บริการเนื่องจากโอกาศอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าได้ หรือจะไม่เลือกก็ได้

*หมายเหตุ สำหรับข้อมูลคนแรกระบบจะใส่ให้โดยอัตโนมัติหาก Log in ขณะทำการจอง และติ๊ก เหมือนข้อมูลผู้จอง (Same as booking Info)

ขั้นตอนที่ 10

เมื่อมาถึงขั้นตอนนี้ จะมีช่องสรุปข้อมูลการจองทั้งหมด และเงื่อนไขการจองให้อ่านทำความเข้าใจครบถ้วน และให้เลือกชำระเงินมัดจำล่วงหน้า 50% ด้วยบัตร Debit หรือ บัตร Creadit (กรอกข้อมูลต่างๆ ให้ครบถ้วน) หรือ สแกน QR Code ตามสะดวกได้เลย พร้อมติ๊กช่อง ได้อ่านและเข้าใจในข้อกำหนดและเงื่อนไขแล้ว (Yes I have read and agree to the Terms & Condition) ซึ่งระบบจะติ๊กไว้ให้ตั้งแต่แรกแล้วนะครับ แล้วกดที่ Book A Table จากนั้นชำระเงินมัดจำตามที่เลือกช่องทางไว้เท่านี้ก็เรียบร้อย

เมื่อทำการจอง และชำระค่ามัดจำเรียบร้อยแล้วเราจะได้รับ Email และ SMS ยืนยันการจอง พร้อมหมายเลขการจอง 6 หลัก ไว้ยืนยันกับทางร้าน


การสมัครใช้งานในเวอร์ชั่น Website

ขั้นตอนการสมัคร

เข้าไปที่ Website: https://www.hungryhub.com/th/users/sign_up.html เพื่อเข้าสู่หน้าสมัคร และกรอกข้อมูลดังนี้

  1. ชื่อ (Name)
  2. หมายเลขโทรศัพท์ (Phone Number)
  3. Email Address
  4. Password
  5. วันเกิด (Birthday)
  6. *Promotion Code ให้กรอก “REF-E5JKR”
    *เพื่อรับ 150 Hungry points แลกเป็นเงิน 150 บาทเพื่อใช้เป็นส่วนลดในครั้งถัดไป
  7. กด สมัครสมาชิก

เพียงเท่านี้เราจะเป็นสมาชิกของแอปพลิเคชัน Hungry Hub โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นแล้ว ซึ่งสามารถสมัครใช้งานด้วยการเชื่องต่อกับบัญชี Facebook ได้อีกหนึ่งวิธีเช่นกัน

ขั้นตอนการจองร้านอาหารในเวอร์ชั่น Website

ขั้นตอนที่ 1

เข้าไปที่ Website: https://www.hungryhub.com/ เพื่อเตรียมการจองจากนั้น

ขั้นตอนที่ 2

คลิ๊กที่ Log in ที่มุมขวาบน

ขั้นตอนที่ 3

ทำการ Log in ด้วย Email Address และ Password ที่ใช้สมัคร

เมื่อทำการ Log in สำเร็จแล้ว ให้กลับมาที่หน้า https://www.hungryhub.com/ จะขึ้นหน้าจอแสดงโปรโมชั่นต่างๆ จากร้านอาหารดังมากมายให้เราเลือก

ขั้นตอนที่ 4

ค้นหาร้านอาหารที่ต้องทำการจองที่ช่องค้นหาแล้วเลือกร้านที่ถูกต้อง

จากตัวอย่างนี้ ภพ กำลังจะจองไปใช้บริการร้าน “Copper International Buffet” ซึ่งเมื่อเข้ามาแล้วจะเป็นหน้าจอที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับร้าน คะแนน ดาว เวลาเปิด-ปิด ที่อยู่ แพ็กเกจ การบริการ ราคา รีวิวจากทั้ง Blogger รีวิวจากผู้ใช้จริง รวมถึงคำสั่งจองโต๊ะ (ฺBook A Table) และสั่งกลับบ้าน (ฺOder Now)

เมื่อเราตัดสินใจได้แล้วจะเลือกบริการ และแพ็กเกจแบบไหนได้แล้ว ก็ให้ไปที่ขั้นตอนต่อไป

ขั้นตอนที่ 5

เลือก “Book A Table” เพื่อจองโต๊ะไปใช้บริการที่ร้าน หรือ “Oder Now” เพื่อสั่งกลับบ้านในรูปแบบอื่นๆ ที่อยู่ด้านล่างสุดของจอ (กรณีของ ภพ คือ “Book A Table”)

ขั้นตอนที่ 6

เลือกจำนวนคนที่จะไปใช้บริการ

ขั้นตอนที่ 7

เลือกวัน และเดือนที่จะไปใช้บริการ

ขั้นตอนที่ 8

เลือกช่วงเวลาที่จะไปใช้บริการ

ขั้นตอนที่ 9

เลือกแพ็กเกจที่จะไปใช้บริการ

ขั้นตอนที่ 10

กรอกข้อมูลจำเป็นดังต่อไปนี้

  1. ชื่อ (Name) นามสกุล (Surname)
  2. หมายเลขโทรศัพท์ (Phone Number)
  3. Email Address
  4. คำขอพิเศษ (Request) ช่องนี้สามารถเว้นไว้ได้หากไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เช่น อาหารที่แพ้ เป็นต้น

*หมายเหตุ สำหรับข้อมูลคนแรกระบบจะใส่ให้โดยอัตโนมัติหาก Log in ขณะทำการจอง

ขั้นตอนที่ 11

กรอกข้อมูลจำเป็นตั้งต่อไปนี้ (ตามจำนวนคนที่ไปใช้บริการ)

  1. ชื่อ (Name)
  2. นามสกุล (Surname)
  3. หมายเลขโทรศัพท์ (Phone Number)
  4. สามารถเลือกได้ว่าไปใช้บริการเนื่องจากโอกาศอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าได้ หรือจะไม่เลือกก็ได้

*หมายเหตุ สำหรับข้อมูลคนแรกระบบจะใส่ให้โดยอัตโนมัติหาก Log in ขณะทำการจอง และติ๊ก เหมือนข้อมูลผู้จอง (Same as booking Info)

ขั้นตอนที่ 12

เมื่อมาถึงขั้นตอนนี้ จะมีช่องสรุปข้อมูลการจองทั้งหมด และเงื่อนไขการจองให้อ่านทำความเข้าใจครบถ้วน และให้เลือกชำระเงินมัดจำล่วงหน้า 50% ด้วยบัตร Debit หรือ บัตร Creadit (กรอกข้อมูลต่างๆ ให้ครบถ้วน) หรือ สแกน QR Code ตามสะดวกได้เลย พร้อมติ๊กช่อง ได้อ่านและเข้าใจในข้อกำหนดและเงื่อนไขแล้ว (Yes I have read and agree to the Terms & Condition) ซึ่งระบบจะติ๊กไว้ให้ตั้งแต่แรกแล้วนะครับ แล้วกดที่ Book A Table จากนั้นชำระเงินมัดจำตามที่เลือกช่องทางไว้เท่านี้ก็เรียบร้อย

เมื่อทำการจอง และชำระค่ามัดจำเรียบร้อยแล้วเราจะได้รับ Email และ SMS ยืนยันการจอง พร้อมหมายเลขการจอง 6 หลัก ไว้ยืนยันกับทางร้าน


 

*ก่อนสมัคร และทำการจองอย่าลืมใส่ Referral Code หรือ Promotion Code มูลค่า 150 บาท

  • โหลด App Hungry Hub หรือไปที่ https://hungryhub.com/th/users/sign_up.html
  • กด Create Account >> ใส่ ที่ช่อง “REF-E5JKR” Referral Code หรือ Promotion Code
  • จะได้รับ 150 Hungry points ในแอปพลิเคชันหลังจากที่ทำการจอง และไปทานที่ร้านอาหารมาแล้ว
  • จากนั้นจะสามารถแลกเป็น 150 บาทเพื่อใช้ในครั้งถัดไปได้

ขอบคุณที่ติดตามครับผม

Thank you for enjoying my blog!

World’s Delight เพราะความสุขชื่อมโยงคน

Because People Can Be Connected By Good World.

——————————————–

ทุกคนสามารถติดตาม/Please Follow

World’s Delight ช่องทางอื่นได้ที่

World’s Delight

Facebook

Readme

Youtube

Instragram

Twitter

หมายเหตุ : บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้นนะครับ ซึ่งคนอื่นๆอาจมีความคิดเห็นที่แตกต่างไปตามวันเวลาที่ไปใช้บริการ

#ภพความสุข #Worldsdelight #WD #WDL #Pobslife
#รีวิว #ไลฟ์สไตล์ #lifestyle

#NewNormal #บุฟเฟ่ต์ #AllYouCanEat #HungryHub #FreeReservationSystem #เปิดระบบจองร้านอาหารOnlineให้ใช้ฟรี #Dinein #Delivery #application #startup #thailand #BKK

You may also like...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *