World's Delight | ภพความสุข

บทความรีวิวนี้เป็นบทความจาก “Consumer Review” หรือ “CR” คือเป็นผู้ซื้อสินค้า หรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการใดๆ และไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

โปรโมชั่น Copper Buffet 999 บาท (แพคคู่ 1,988 บาท) และ Copper Buffet + เมนูพิเศษ 1–3 เมนู (1,590 / 1,690 และ 1,990 บาท) สามารถจองโต๊ะได้จากลิงค์https://bit.ly/2N3ls6e (ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น Walk-in ไม่ได้ )


– เก็บความประทับใจที่ยากจะลืมเลื่อน แทบอยากกลับไปซ้ำในทันที กับบริการเหนือระดับ ควบคู่ความอร่อย ด้วยอาหารคุณภาพ คุ้มค่า และความปลอดภัย ตามแบบฉบับ Copper International Buffet!!-


ภพ เชื่อว่าหากกล่าวถึงร้านบุฟเฟ่ต์นานาชาติในใจกันแล้วล่ะก็ คงหนีไม่พ้นร้าน “Copper International Buffet” กันแน่นๆ ใช่ไหมล่ะครับ (ภพ เองก็เช่นกัน) ซึ่งมักถูกนึกถึงเป็นร้านแรกๆ และยังเป็นที่กล่าวถึงอย่างไม่ขาดปากว่าเป็นร้านบุฟเฟต์นานาชาติคุณภาพ ที่สามารถเปิดประสบการณ์ และ พลิกโฉมหน้าใหม่ในหลาย ๆ ด้านให้กับวงการบุฟเฟต์เมืองไทยเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านคุณภาพของอาหาร และการบริการที่เหนือชั้น แตกต่าง และล้ำหน้าไปมากกว่าที่อื่นๆ ซึ่ง ภพ เองเคยไปใช้บริการมาแล้ว ในช่วงเปิดร้านใหม่ช่วงแรกๆ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่างนั้น และในครั้งนี้หลังจากผ่านเวลานั้นมาหลายปี ภพ ได้มีโอกาศไปใช้บริการอีกครั้ง ซึ่งทางร้านได้มีการพัฒนามากขึ้นในรูปแบบ “All New Copper” ที่เขามีการขยับขยายร้าน และปรับอาหารเพิ่มเมนูใหม่ พร้อมให้บริการในแบบ “New Normal” ที่คุมเข้มสุดๆ หลังจากเจอโควิด-19 จนต้องปรับตัว มาดูกันว่าคุณภาพอาหาร เมนูต่างๆ จะเป็นอย่างไร การบริการจะสะดวกสบายน่าประทับใจขนาดไหน ความปลอดภัย และด้านการป้องกัน จะคุ้มค่าที่ไปใช้บริการหรือไม่ ตามมาอ่านในบทความนี้กันเลยครับ!


Copper International Buffet @ The Sense ปิ่นเกล้า

ที่ตั้ง : 71/50 The Sense ปิ่นเกล้า ชั้น 2, ถนน บรมราชชนนี แขวง อรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 10700

ประเภทอาหาร : บุฟเฟ่ต์นานาชาติ

ตัวเลือกของบริการ : นั่งรับประทานที่ร้าน · รับสินค้าโดยไม่ต้องลงจากรถ · จัดส่งโดยไม่สัมผัส · สั่งกลับบ้าน

การเข้าถึง : ทางเข้าสำหรับเก้าอี้รถเข็น · ที่จอดรถที่เก้าอี้รถเข็นสามารถใช้ได้ · ที่นั่งสำหรับเก้าอี้รถเข็น · ลิฟท์สำหรับเก้าอี้รถเข็นห้องน้ำรองรับเก้าอี้รถเข็น

การชำระเงิน : เงินสด · e-Payment · บัตรเดบิต · บัตรเครดิต

✅ จองโต๊ะที่ลิงค์นี้ : https://bit.ly/2N3ls6e
(ไม่รับ Walk-in ทุกกรณี ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น)

วิธีเดินทาง : ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 เดอะเซ้นส์ ปิ่นเกล้า สามารถเดินทางโดย MRT มาลงที่สถานี “บางยี่ขัน” จากนั้นสามารถนั่งรถประจำทางสาย “ปอ. 28” หรือรถซูบารุสาย “ยันฮี เซ็นทรัลปิ่นฯ สายใต้ใหม่” ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 นาทีก็จะถึง หรือจะขับรถมาก็มีที่จอดรถ

MAP ——–> https://g.page/copperbuffet?share

📞สอบถามเพิ่มเติม 092 281 1818

📩 www.facebook.com/copperbuffet

Line@ : @copperbuffet


สารบัญบทความ


ทำความรู้จักกับ “Copper” International Buffet

วันเดินทาง/ใช้บริการ : วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน 2563

“Copper” International Buffet

เป็นร้านอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของศูนย์การค้า The Sense ปิ่นเกล้า อยู่ติดกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลปิ่นเกล้า สามารถเดินทางได้อย่างสะดวก โดย MRT มาลงที่สถานี “บางยี่ขัน” จากนั้นเดินทางต่อด้วยรถประจำทางสาย “ปอ. 28” หรือรถซูบารุสาย “ยันฮี เซ็นทรัลปิ่นฯ สายใต้ใหม่” เพียงประมาณ 5 นาทีก็จะถึง หรือจะขับรถมาก็มีที่จอดรถไว้ให้บริการ

โดยคำว่า “คอปเปอร์” (Copper) หมายถึง “ทองแดง” เป็นโลหะที่มีคุณสมบัติพิเศษ ในด้านทนทานความร้อนสูง แข็งแกร่ง เมื่อถูกความร้อนจะไม่มีสารที่เป็นอันตรายออกมา ขณะเดียวกันก็มีความแวววาวงดงาม จึงถูกนำมาใช้ทำเครื่องครัว และอุปกรณ์ต่าง ๆ ในร้านอาหาร ด้วยต้นทุนที่ค่อนข้างสูง ร้านที่จะใช้ทองแดงจึงเป็นร้านที่เห็นความสำคัญของคุณภาพอาหารและผู้บริโภคอย่างแท้จริง….

จึงเป็นที่มาของร้าน “คอปเปอร์” อินเตอร์เนชั่นแนล บุฟเฟต์ (Copper : International Buffet) ร้านอาหารสไตล์บุฟเฟต์นานาชาติ ที่จะเปิดประสบการณ์และพลิกโฉมใหม่ในหลาย ๆ ด้านของวงการบุฟเฟต์เมืองไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณภาพของอาหารและการบริการ “อร่อยคุ้มค่าแบบมีระดับ ที่คอปเปอร์บุฟเฟต์ เพราะสำหรับ #Copperbuffet ทุกอย่างต้องถูก Craft ให้ ‘ดีที่สุด’ เพราะเราเชื่อว่าลูกค้าของ Copper ทุกคนคู่ควร..

Copper Buffet’s Menu

ทางร้านมีเมนูอาหารบริการมากมายหลากหลายมากกว่า 100 เมนู นับตั้งแต่เมนูพิเศษอย่าง Miyagi Oyster หอยนางรมอิมพอร์ตจากญี่ปุ่น , French Foie Gras หรือสเต็กตับเป็กหนานุ่มตัดเลี่ยนด้วยซอสเสาวรส หรือสเต็กซี่โครงแกะหมักสไตล์เอเชีย และยังมีเมนูนานาชาติฟิวชั่นไม่อั้นอีกเพียบ ทั้งซีฟู้ดออนไอซ์, หอยนางรมจากสุราษฎร์ธานี, กุ้งแม่น้ำเผา, อาหารญี่ปุ่น ซูชิ ซาชิมินำเข้า, อาหารตะวันตก ทั้งสปาเก็ตตี้วากิว ซุปทรัฟเฟิล พาสต้า, ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกวากิว สลัดผักสด สเต็กวากิว สเต็กแซลมอนต่างๆ , กระทั้งไปถึงอาหารไทย ปลาดอรี่นึ่งพริกมะนาว ขนมจีนแกงไก่ และขาหมูพะโล้ แต่ถ้ายังไม่มีอิ่มสะใจ ก็ให้ตบท้ายด้วยของหวานสไตล์ฝรั่งเศลแบบพรีเมี่ยม วัตถุดิบนำเข้าหลากเมนูอย่างครบครัน ไอศกรีมโฮมเมด และอื่นๆ พร้อมเครื่องดื่มไนโตร สุดพิเศษที่มีความละมุ่น นุ่มนวล แปลก และแตกต่าง ไม่เหมือนใคร

บรรยากาศดีหรูหราไม่แพ้โรงแรม”

ในร้านอาหารมีพื้นที่กว้างขวาง แบ่งโซนตามประเภทอาหารอย่างเป็นสัดส่วนชัดเจนมากกว่า 10 โซน เน้นครัวแบบเปิดให้เห็นเชฟกำลังทำอาหาร เรียกน้ำย่อยกัน ตกแต่งคงเอกลักษณ์ไว้อย่างชัดเจนด้วยเฟอร์นิเจอร์สีทองแดง ที่เพิ่มความคลาสสิกด้วยลังไม้ ที่นั่งมีทั้งแบบโซฟา และติดริมหน้าต่างให้เลือกสรร แบ่งโซนอาหารอย่างเป็นสัดส่วน พร้อมเชฟที่คอยปรุงอาหารจานต่อจานประจำสเตชั่น

“คุณ เกษม” ผู้จัดการร้านคนเก่งแห่ง Copper Buffet

“คุณ เกษมสันต์ สัตยารักษ์” หรือ “คุณ เกษม” เป็นผู้จัดการทั่วไปของร้าน Copper Buffet เป็นผู้มากความสามารถ และมากประสบการณ์ ด้วยปรสบการณ์การดูแลร้านอาหารชั้นแนวหน้าของประเทศไทยมาแล้วหลากหลายแห่ง สร้างความสำเร็จทั้งชื่อเสียง และรายได้ทะลุเป้าให้กับเจ้าของร้านมาแล้วมากมาย มีประสบการณ์อยู่ในวงการร้านอาหารมามากกว่า 30 ปี ค่อยดูแลอยู่ จึงทำให้มั่นใจได้ในคุณภาพของร้าน

ผมได้รับโจทย์การดูแลร้านอาหารแห่งนี้ (คอปเปอร์ บุฟเฟ่ต์) 3 ข้อ

ข้อแรก อาหารต้องมีคุณภาพ
ข้อสอง อยากเห็นภาพลูกค้ามาต่อคิวเยอะๆ
ข้อสุดท้าย บริหารงานอย่างโปร่งใส 3

เงื่อนไขดังกล่าวจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของร้านคอปเปอร์ บุฟเฟ่ต์ ซึ่งใช้งบลงทุนถึง 32 ล้าน ภายในร้านตกแต่งทันสมัย เน้นโชว์ไม้สีอ่อนตัด กับโครงสร้างสีเข้ม รวมทั้งสีของทองแดง ปรุงอาหารผัด ปิ้งย่าง ให้เห็นกันจะจะ เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ในเดือนเมษายนปี 2559

คุณ เกษมสันต์ สัตยารักษ์ ผู้จัดการทั่วไปของร้าน ‘คอปเปอร์ บุฟเฟ่ต์’
ภาพ คุณ เกษมสันต์ สัตยารักษ์ จาก VDO Hungry Hub เปิดระบบจองโต๊ะออนไลน์ ‘ร้านอาหารใช้ฟรี’ Hungry Hub – แหล่งรวมบุฟเฟ่ต์อันดับ 1 ของไทย
ภาพ คุณ เกษมสันต์ สัตยารักษ์ จาก Cover VDO เพจ Copper Buffet

ผมจะปฏิวัติวงการร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ ให้เป็นลักษณะร้านอาหารแบบ Fine Dining เสิร์ฟเมนูที่มีคุณภาพสูง มีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละเมนู คอยให้คำแนะนำและนำเสนออาหารแต่ละจานที่ดีที่สุดให้กับผู้ทาน

คุณ เกษมสันต์ สัตยารักษ์ ผู้จัดการทั่วไปของร้าน ‘คอปเปอร์ บุฟเฟ่ต์’

“ที่สุด” ของแนวคิด 4 ข้อหลักเพื่อการบริการลูกค้าทุกคน (COPPER BUFFET·วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2018)

‘The Never-ending Journey of Taste’

ที่สุดของเมนูอาหารระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Wagyu Beef, Australian Lamb, Oyster, Truffle soup, Sushi, Cold cut, Organic salad และสุดยอดเมนูพรีเมี่ยมอีกมากมายที่เราคัดสรรมาให้ได้สัมผัสจากทั่วโลก อีกทั้งของหวานระดับพรีเมี่ยมที่คุณเลือกได้ เปรียบดั่งการเดินท่องเที่ยวไปในสวรรค์แห่งการทานอาหารที่คุณจะค้นพบประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ที่นี่ไม่รู้จบ

‘Chef’s Craft Buffet’

ที่สุดความอร่อยจากฝีมือเชฟ ทุกจานที่เราเสิร์ฟผ่านการคิดค้น และปรุงอย่างพิถีพิถัน จากเชฟมากประสบการณ์ผู้คร่ำหวอดในวงการร้านอาหารมากว่า 20 ปี เพื่อการันตีถึงคุณภาพอาหาร เพื่อประสบการณ์ที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน

‘Casual Fine Dining’

ที่สุดของบรรยากาศการทานบุฟเฟ่ต์ ในรูปแบบ ‘Casual Fine Dining’ แห่งเดียวในไทย ที่เราเสิร์ฟความอร่อยในทุกจานอาหารด้วยการตกแต่งและบริการระดับ First Class ในบรรยากาศการตกแต่งร้านแบบ Luxury design เพื่อให้ลูกค้าได้รั[ประสบการณ์ทานอาหารที่ดีที่สุดในทุกสัมผัส ทั้ง รูป รส กลิ่น และเสียง ภายใต้คอนเซปต์ ‘อร่อยอย่างมีระดับ’ ได้อย่างสบายๆ สัมผัสได้ในแบบที่เป็นตัวของคุณเอง

‘The One and Only’

ที่สุดของความอร่อยคุ้มค่าที่ไม่มีใครกล้าเหมือน! เพราะความฟินทั้งหมดนี้ เสิร์ฟให้คุณแบบไม่อั้น ในราคาสุดคุ้มค่าแบบ Premium Craft Buffet เพื่อความ ‘ฟินที่สุด’ ให้แก่ลูกค้าของ #copperbuffet ทุกคน


ราคา และโปรโมชั่น

สำหรับราคา และโปรโมชั่นในกลับมาครั้งนี้ก็จัดมาให้ได้เลือกกันอย่างหลากหลายตั้งแต่ แบบปกติ 999 บาท (แพคคู่ 1,988 บาท) หรือโปรเมนูพิเศษ 1,590 / 1,690 และ 1,990 บาท เลือกรับเมนูพรีเมียมพิเศษตั้งแต่ 1–3 รายการ และไม่ต้องมีสมัครบัตรสมาชิกก็จองได้ โดยจองผ่าน Hungry Hub ได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีมัดจำล่วงหน้า 50% ผ่าน e-Payment ได้จากลิงค์https://bit.ly/2N3ls6e นี้ (ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น Walk-in ไม่ได้ )

แพ็กเกจปกติ #อร่อยแพ็กคู่ กับราคา 1,988 บาท สำหรับ 2 คน (คนละ 999 บาทสุทธิ)

โปรโมชั่นพิเศษที่ให้คุณลิ้มลองบุฟเฟ่ต์ไลน์นานาชาติสไตล์ A-La-Carte ได้แบบไม่อั้นตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม

หมายเหตุ: โปรโมชั่นนี้สามารถใช้ร่วมกับสิทธิพิเศษของบัตรสมาชิก Copper Buffet ได้ด้วย

บัตรสมาชิก

บัตรสมาชิก Copper Buffet ในปี 2563 นั้น มีค่าสมัครอยู่ที่ 899 บาท เมื่อสมัครแล้วสามารถใช้ได้ทันที โดยมีสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ถือบัตรสมาชิก คือ

เมนูพิเศษสำหรับสมาชิก

สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตร Copper Buffet หากไม่เลือกรับเป็น “ส่วนลด” จะสามารถเลือกรับเป็น “เมนูพิเศษ” 1 เมนูจาก 4 รายการ ทั้งโต๊ะ 1 คน 1 เมนูแทนได้ ดังนี้

Hungry Hub Promotion

ลูกค้าที่จองร้าน Copper Buffet ผ่าน Hunghry Hub ใน Package A – C สามารถเลือกรับเมนูพิเศษต่างๆ ได้ฟรี ตามเงื่อนไขของแต่ละ Package ดังต่อไปนี้

Hungry Hub Exclusive Menus Pack A – 1,590 บาทสุทธิต่อคน (จ่ายเพิ่มคนละ 591 บาท)

บุฟเฟ่ต์ไลน์นานาชาติไม่อั้น 2 ชั่วโมงเต็ม + ได้รับ 1 เมนูพิเศษ 

Hungry Hub Exclusive Menus Pack B – 1,690 บาทสุทธิต่อคน (จ่ายเพิ่มคนละ 691 บาท)

บุฟเฟ่ต์ไลน์นานาชาติไม่อั้น 2 ชั่วโมงเต็ม + เลือก 2 เมนูพิเศษ เลือกได้ท่านละ 2 รายการ จาก 4 รายการ ดังนี้

Hungry Hub Exclusive Menus Pack C – 1,990 บาทสุทธิต่อคน (จ่ายเพิ่มคนละ 991 บาท)

บุฟเฟ่ต์ไลน์นานาชาติไม่อั้น 2 ชั่วโมงเต็ม + เลือก 3 เมนูพิเศษ เลือกได้ท่านละ 3 รายการ จาก 7 รายการ ดังนี้

เงื่อนไขการใช้บริการสำหรับ Package A – C

***หมายเหตุ: เนื่องจาก ศ.บ.ค ให้ลดจำนวนที่นั่งช่วงเวลานี้ ทางร้านมีความจำเป็นต้อง “งดราคาเด็กชั่วคราว” สำหรับทุกแพ็คเกจ และทุกโปรโมชั่น รวมถึงงดนำเครื่องดื่มแอลกอฮอทุกชนิดเข้ามาดื่มในร้าน และทางร้านไม่มีจำหน่ายนะครับ


การจองผ่าน Hungry Hub

[แจก] ส่วนลด Hungry Hub แอปพลิเคชัน สำหรับคนรักบุฟเฟ่ต์!

โปรโมชั่น Copper Buffet 999 บาท (แพคคู่ 1,988 บาท) และ Copper Buffet + เมนูพิเศษ 1–3 เมนู (1,590 / 1,690 และ 1,990 บาท) สามารถจองโต๊ะได้จากลิงค์https://bit.ly/2N3ls6e (ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น Walk-in ไม่ได้ )

สามารถดูบทความ “[แจก] ส่วนลด Hungry Hub แอปพลิเคชัน สำหรับคนรักบุฟเฟ่ต์!”เพื่อทำการจองผ่าน Website และแอปพลิเคชั่นของ Hungry Hub ได้ตลอด 24 ชั่วโมงพร้อมแจกโค้ดส่วนลดสำหรับใช้ในครั้งถัดไปได้ที่ลิ้งนี้ https://worldsdelight.com/2020/06/19/hungry-hub-discount-code/

https://worldsdelight.com/

บรรยากาศ และการบริการในรูปแบบ New normal

เฉดเช่นเดียวกันกับหลายๆ ธุระกิจร้านอาหาร Copper Buffet ต้องผจญกับวิกฤติจาก Covid-19 ทำให้ต้องปรับตัวมาให้บริการ Copper Delivery หรือ COPPER2GO ในช่วงปิดร้าน ซึ่งร้านบุฟเฟ่ต์ส่วนใหญ่ไม่เคยคิดจะทำในช่วงเวลาปกติ จนประสบความสำเร็จไม่น้อย ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และเมื่อได้กลับมาเปิดให้บริการแบบ Dine IN อีกครั้ง ก็ยังต้องต้องปรับตัวในรูปแบบ New Normal ด้วยเช่นกัน ทำให้ทางร้านคิดคำนึงถึงมาตรการความปลอดภัยเพื่อบริการลูกค้าแบบจัดเต็ม จนเป็นตัวอย่าง กรณีศึกษา และผู้นำที่ดีให้แก่ร้านอาหารอื่นๆ อีกด้วย

ตัวอย่าง มาตรการความปลอดภัยเพื่อบริการลูกค้านั้นเริ่มเห็นตั้งแต่ก่อนถึงหน้าร้าน Copper Buffet เสียอีกนะ เพราะด้านหน้าศูนย์การค้าจะมีจุดรับบริการของ Copper Delivery หรือ COPPER2GO อยู่ด้วย โดยจะเห็นได้ว่าพนักงานที่ให้บริการจะแต่งกายป้องกัน ทั้งการใส่ หน้ากาก ถุงมือ และหมวกคลุมผมเพื่อความปลอดภัยของลูกค้า มีช่องเว้นระยะห่างสำหรับพนักงานรับ-ส่งของ มีวัดอุณหภูมิร่างกาย และลงทะเบียนผู้ส่งก่อนรับอาหารไป รวมถึงมีการบรรจุอาหารไว้อย่างมิดชิดด้วยถุงพลาสติกอีกหนึ่งชั้น

Copper Delivery หรือ COPPER2GO นั้นเป็นโปรโมชั่นที่ทำร่วมกับ Hungry Hub ในชื่อ Hungry@Home ในช่วงโควิด-19 ที่ร้านปิดให้บริการแบบนั่งกินที่ร้าน ซึ่งหากใครสนใจ สามารถสั่งได้จากลิ้ง https://bit.ly/2N3ls6e นี้เช่นกันครับ

สำหรับวันนี้เรามาใช้บริการแบบ Dine In หรือนั่งกินที่ร้านกัน เพราะฉะนั้นเราจะมุ่งหน้าไปที่ชั้น 2 ของเดอะเซ้นส์ ปิ่นเกล้า ซึ่ง ภพ มาก่อนเวลาใช้บริการพอควรเลยล่ะ เพื่อจะเก็บภาพบรรยากาศให้ชมกันก่อนจะเริ่มใช้บริการ ซึ่งเมื่อไปถึงที่ชั้น 2 จะเห็นตัวร้าน Copper Buffet จากภายนอกว่ามีขนาดร้านที่ใหญ่ไม่น้อยเลยที่เดียว เพราะพื้นที่ร้านกินพื้นที่ราวๆ 1 ใน 4 ของพื้นที่ชั้น 2 เลยล่ะ

Copper Buffet New Normal มาตรการเหนือระดับเพิ่มความอุ่นใจ

ซึ่งในช่วงเวลาก่อนการให้เข้าใช้บริการนั้น ทางร้านจะมีการจัดเตรียมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น เก้าอี้ พื้นที่นั่ง เว้นระยะห่างทางสังคมตามสี่เหลี่ยมกรอบสีเหลืองที่ตีไว้ มีบริการแอลกอฮอล์ล้างมือแบบอัตโนมัติ พร้อมบริการ การประกาศให้ข้อมูล ให้คำแนะนำต่างๆ สร้างความพร้อมให้แก่ลูกค้า เพื่อประโยชน์ของลูกค้าตามมาตรการความปลอดภัยอย่าง #เข้มข้นทุกจุดเพื่อทุกคน ปรับรูปแบบการบริการให้เข้มงวดมากขึ้น โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนหลักๆ คือ

สามารถเข้าไปศึกษาอย่างละเอียดได้ที่ https://line.me/R/home/public/post?id=lsz5273c&postId=1158964690606031045

มาตรการก่อนใช้บริการ

สำรองที่นั่งล่วงหน้าก่อนเข้าใช้บริการ

ขั้นตอนนี้ก่อนมาที่ร้านเราต้องมีการสำรองที่นั่งล่วงหน้าก่อนเข้าใช้บริการผ่านระบบ Reservation Hungry Hub ที่เว็บไซต์ https://bit.ly/2N3ls6e โดยเลือกวัน และรอบบริการ รวมทั้งจำนวนลูกค้าโดยมีรอบการจองดังนี้

รอบเวลา สำหรับลูกค้าที่มาจำนวนคู่ (2, 4 ,6 ,8 ท่าน)

วันจันทร์ – วันพุธ จะมี 3 รอบ คือ

วันพฤหัสบดี – วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะมี 4 รอบ คือ

รอบเวลา สำหรับลูกค้าที่มาจำนวนคี่ (1, 3 ,5 ,7, 9 ท่าน)

วันจันทร์ – วันพุธ จะมี 1 รอบ คือ

วันพฤหัสบดี – วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะมี 1 รอบ คือ

ซึ่งทุกการจองจะต้องชำระเงินมัดจำล่วงหน้าผ่าน Online Payment 50% เพื่อหลีกเลี่ยงและลดการสัมผัสการกระจายเชื้อ และอย่าลืมยืนยันการจองที่ Line@ : @copperbuffet ของร้านก่อนวันบริการ โดยลูกค้าจะได้รับหมายเลขการจองส่งมาทาง SMS และ Email ที่ลงทะเบียนไว้ เพื่อใช้แจ้งเจ้าหน้าที่ในวันเข้ารับบริการ และมีการลงทะเบียนเพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามตัว โดยระบุชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าทุกคนที่มาใช้บริการ ตามนโยบายของภาครัฐ ซึ่งเวลาที่ทำการจองจากระบบ Hungry Hub จะมีให้ลงทะเบียนเบื้องต้นอยู่แล้วนะครับ

ภพ แนะนำว่าให้เพื่อนๆ ที่ไปใช้บริการให้ไปก่อนเวลาสัก 30 นาที เพื่อรับคิว และหมายเลขโต๊ะด้วยนะครับ โดยรอบของ ภพ มีการจองที่นั่งไว้ในวันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน 2563 รอบเวลา 16.00 น. -18.00 น. ครับ ภพก็ต้องรอใช้บริการช่วง 15.30 น. ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวน้องๆ พนักงานจะเริ่มเรียกให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ เตรียมหมายการจอง และเข้าไปรับหมายเลขโต๊ะ หรือใครมีความประสงค์ในการสมัครสมาชิกก็ให้ทำในช่วงเวลานี้ครับ

มาตรการเมื่อมาถึงร้าน และการแจ้งหมายเลขการจองก่อนเข้าใช้บริการ

โดยเมื่อมาถึงที่ร้านแล้วทุกคนต้องอย่าลืมปฏิบัติตัว และเตรียมการแจ้งหมายเลขการจองก่อนเข้าใช้บริการ ดังนี้

ต้องอย่าลืมเตรียมหมายเลขการจองที่ได้รับจาก SMS หรือ Email ที่เราลงทะเบียนไว้ให้พร้อม เพื่อแจ้งกับพนักงานก็จะได้รับเบอร์โต๊ะของเรามา ซึ่งของ ภพ ไปกับพี่สาวที่สนิทครับได้โต๊ะเบอร์ 17 เป็นโต๊ะที่อยู่ซ้ายมือ (เลี้ยวจากประตูทางเข้า) ใกล้หน้าต่างที่มีป้ายร้านอยู่ และหากใครจะทำการสมัครสมาชิกก็ให้กรอกข้อมูลจำเป็นต่างๆ ลงไปในใบสมัครได้เลย น้องพนักงานก็จะนำข้อมูลเหล่านั้นไปคีย์ลงในระบบ และจะนำบัตรสมาชิกมาให้เราระหว่างที่เราใช้บริการในร้านครับ

หลังจากที่ได้รับหมายเลขโต๊ะแล้ว ก็ให้กลับไปเข้าแถว โดยยืน หรือนั่งเว้นระยะห่าง Social Distance ตามจุดที่กำหนด ตามลำดับที่เข้ามาใช้บริการ และอย่าลืมว่าทุกคนจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาด้วยเหมือนเดิมนะครับ ซึ่งกฏเหล่านี้ก็ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับน้องๆ พนักงานก็เช่นกัน ซึ่งน้องๆ พนักงานก็จะมีการสวมถุงมือ ผ้าปิดปาก เฟซชิลด์ หมวกคุมผม ป้องกันทุกระดับเท่าที่เป็นไปได้

ในด้านการบริการก้เห็นได้ตั้งแต่ระหว่างการรอ ซึ่งพนักงานให้บริการดีไม่น้อยเลย เป็นกันเอง พูดคุยสุภาพ ขออนุญาติทุกครั้งก่อนการให้บริการ มีการพูดขอบคุณ และแนะนำการใช้บริการสม่ำเสมอ แนะนำสถานที่ แนะนำวิธีการบริหารเวลาระหว่างใช้บริการ เพื่อประโยชร์สูงสุดของลูกค้า เช่น ให้ข้อมูลว่าอาหารแต่ละชนิดตั้งอยู่ที่ไหน เข้าไปในร้านแล้วให้สั่งอาหารก่อนค่อยเข้าไปนั่งที่เพื่อประหยัดเวลา เป็นต้น และที่รู้สึกประทับใจเป็นพิเศษ ไม่คาดคิด ไม่นึกมาก่อน คือความใส่ใจในการบริการของร้านที่นำเอาพัดลมทำความเย็นใส่น้ำแข็งมาตั้งให้ลูกค้าระหว่างนั่งรอเเพื่อคลายร้อนอีกด้วย

และเมื่อถึงรอบเวลาประกาศเข้าใช้บริการ เพื่อนๆ จะต้องเข้าแถวโดยยืนเว้นระยะห่าง Social Distance ตามจุดที่กำหนด มีการตีตารางให้ยืนรอ โดยต้องผ่านจุดคัดกรอง เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิ และะฉีดพ่นล้างแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือด้วยเครื่องพ้นน้ำยาอัติโนมัติก่อนเข้าร้านอาหารอีกครั้งด้วย

และนี่เป็นบรรยากาศช่วงเวลาเข้าใช้บริการ คนยิ่งเยอะ ยิ่งครึกครื้น น่าตื่นเต้นมากครับ แถวยาวไปถึงสุดทางเดินของชั้น 2 เลยล่ะครับ ซึ่งเท่าที่ทราบมาร้าน Copper Buffet มีการจองมาใช้บริการเต็มทุกวัน ทุกรอบเลยทีเดียวล่ะ

มาตรการขณะใช้บริการ

มาตรการเมื่อเข้าใช้บริการภายในร้าน

รอบๆ บริเวณภายในร้านอาอหารจะเครื่องฉีดพ้นน้ำยาแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อคุณภาพ Food Grade อัตโนมัติ ซึ่งไม่เป็นอันตรายหากเผลอนำเข้าปาก ให้บริการตามจุดต่างๆ ทั่วทั้งร้าน แนะนำให้ล้างมือบ่อยๆ ได้ ขณะที่เราใช้บริการอยู่ครับ

ภายในร้านอาหารเองยังคงมีการเว้นระยะห่าง Social Distancing อย่างเคร่งครัด ไม่ใช่แค่กับที่นั่งบริการภายในร้านเท่านั้น แต่ในขณะที่มีการลุกเดินออกไปใช้บริการ โดยมีการทำทางเข้า ทางออก กำหนดจุดยืน ตีกรอบเหลือง ทำทางเดินเป็นแนวทางให้เพื่อนๆ ใช้บริการไปในทิศทางเดียวกัน

การจัดที่นั่งโต๊ะนั่งสำหรับการนั่งกินโต๊ะละ 2 คน เท่านั้น เว้นระยะห่างประมาณ 1 เมตร ตามมาตรการของภาครัฐอย่างเคร่งครัด จากปกติให้บริการที่นั่งมกกว่า 300 ที่ต้องลดเหลือแค่ 160 ที่เท่านั้น ส่วนเรื่องความปลอดภัยอื่นๆ ก็คำนึงถึงเพราะมีฉากกั้นอะคลีลิค ที่ดูสะอาด แข็งแรง ทนทาน แถมคิดดถึงความสะดวก จึงมีที่แขวนหน้ากากไว้ให้ด้วย

นอกจากนี้อุปกรณ์การกินทุกอย่างทั้งช้อน ส้อม ตะเกียบ แก้วน้ำ หลอด และ กระดาษทิชชู่ จะจัดวางเป็นชุดพร้อมผ่านการอบฆ่าเชื้อ และห่อในถุงพลาสติกเพื่อลดการปนเปื้อนของเชื้อโรค

มาตรการสั่งอาหารและรอรับอาหาร

เนื่องจากทางร้านงดให้บริการบุฟเฟ่ต์ที่มีไลน์อาหารที่ลูกค้าตักเอง หรือหยิบเอง แต่สามารถให้บริการอาหารบุฟเฟ่ต์จากรายการอาหารได้ โดยลูกค้าต้องเข้าแถวเพื่อสั่งอาหาร แล้วพนักงานจะนำไปเสิร์ฟให้ หรือบางเคาน์เตอร์ยืนรอรับได้เลย แต่มีข้อกำหนดในการใช้บริการ ดังนี้

หมายเหตุ: ห้ามยืนรับประทานอาหารและเครื่องดื่มตามจุดต่างๆ ให้รับประทานที่โต๊ะของลูกค้าเท่านั้น

ในการลุกไปสั่งอาหาร เพื่อนๆ ต้องใส่หน้ากากหรือผ้าปอดปากไว้เสมอและในแต่ละครัว หรือโซนอาหาร จะต้องเว้นระยะห่าง Social Distancing ระหว่างลูกค้าด้วยกัน รวมถึงพนักงานแต่ละคนจะเป็นผู้รับออร์เดอร์อาหาร และตักอาหารเสิร์ฟให้ ที่จุดรับ และสั่งอาหารเพื่อลดการสัมผัส โดยพนักงานก็ต้องมีการป้องกันด้วยการใส่ผ้าปิดปาก การสวมถุงมือ ใส่เฟซชิลด์ หมวกคุมผมเพื่อความปลอดภัยทุกคน

ทางร้านพยายามลดการสัมผัสทุกอย่างเท่าที่เป็นไปได้ แม้กระทั้งในแต่ละครัว หรือโซนอาหารก็ยังมีฉากอะคลีลิคกั้นตลอดแนวของครัวนั้นๆ มีเพียงช่องที่ใช้เสิร์ฟอาหารช่องเล็กๆ เพียงช่องเดียวเท่านั้นที่เชื่อมระหว่างเชฟ กับลูกค้าเอาไว้ คือขนาดบางทีพุดคุยกันยังไม่ค่อยได้ยินกันเลยนะ ค่อนข้างมิดชิดทีเดียว

หรือในส่วนของบาร์น้ำก็มีความใส่ใจ โดยให้เรานำแก้วน้ำของเราไปใส่ในในภาชนะสเตนเลส ที่หน้าบาร์น้ำ จากนั้นพนักงานจะกรอก และเติมน้ำแข็งให้เราเสร็จสับ จากนั้นให้เราหยิบไปเติมเครื่องดื่มต่อไป โดยแจ้งน้องพนักงานว่าต้องการเครื่องดื่มชนิดไหน น้องพนักงานก็จะเติมให้เครื่องดื่มชนิดนั้นให้ แล้วนำมาวางในถ้วยแสตนเลสส่งให้เราหยิบเหมือนเดิม

จะเห็นได้ว่าวิธีนี้พนักงานไม่ได้สัมผัสแก้วของเราเลยแม้แต่นิดเดียวเลย เป็นจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่ละเอียด แต่ถูกนำมาขยาย ใส่ใจ คิดคำนึงถึง จนได้ผลลัพธ์ที่ดีออกมา

มาตรการหลังการใช้บริการ

มาตรการการชำระเงิน

มาตรการการดูแลความปลอดภัยของพนักงาน

มาตรการการนี้เป็นมาตรการสำหรับพนักงานทุกคนที่ร้าน Copper Buffet ที่ต้องปฏิบัติตามในช่วงเวลาตลอดการปฏิบัติหน้าที่

มาตรการการทำความสะอาด

เป็นมาตรสุดท้าย เมื่อเราใช้บริการเสร็จ จะมีการเคลียร์โต๊ะ ทำความสะอาดด้วยน้ำยาแอลกอฮอล์ คุณภาพ Food grade ทั้งบนโต๊ะ ที่นั่ง ฉากกั้น และในจุดที่ทำความสะอาดได้ จัดโต๊ะใหม่ เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างสำหรับการบริการในรอบถัดไป

จะเห็นได้ว่ามาตรการทั้งหมดนี้ Copper Buffet จัดทำขึ้นเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของลูกค้าทุกท่านจริงๆ


พาไปชิม

ถึงเวลาที่ทุกคนรอค่อยกับการพาไปชิมกันแล้วครับ อย่างที่กล่าวไว้แล้วข้างต้นว่า Copper Buffet นั้นมีเมนูอาหารให้บริการมากกว่า 100 เมนูไม่ว่าจะเป็น ให้อิ่มกับแบบไม่อั้น อีกทั้งยังมีเมนูพิเศษต่างๆ ตามสิทธิ์เฉพาะสำหรับสมาชิก และโปรโมชั่นแพ๊คเกจของ Hungry Hub อีกด้วย

เมนูพิเศษ

สำหรับเมนูพิเศษในครั้งนี้ ภพ ใช้สิทธิพิเศษจากบัตรสมาชิก Copper Buffet ซึ่งมีเมนูให้เลือก 1 เมนู จาก 4 รายการ โดย ภพ ไปกับเพื่อนจึงได้เลือกเมนู 2 เมนูคือ ฟัวกราส์ผสมกับเนื้อวากิว (Foie Gras Wagyu Fusion Steak)

ฟัวกราส์ผสมกับเนื้อวากิว (Foie Gras Wagyu Fusion Steak) – เมนูนี้ของ ภพ เอง เนื้อวากิวชิ้นหนาเป็นนิ้ว ย่างสุกปานกลาง ท้อปด้วยฟัวกราส์ที่ย่างมาได้อย่างพอดี ไม่มีกลิ่นสาป ไม่มันเยิ้ม ชิ้นหนาแบบชิ้นสเต๊กสวยงาม เสิร์ฟพร้อมซอสพิเศษ

เวลากินให้หั่นเนื้อ และตับเป็ดลงไปพร้อมกัน แล้วกินคู่กันไปทั้งคำเลยครับ รสสัมผัสแรกจะได้ความหอมของเนื้อวัวที่หวานฉ่ำเล็กน้อย และรสสัมผัสนุ่มแบบเนื้อสเต็กที่เต็มปากเต็มคำ ตัดกับความนุ่มเด้งคล้ายวุ้นของตับเป็ด จากนั้นเมื่อเคี้ยวไปเรื่อยๆ จะมีความฉ่ำหวานของเนื้อวัวออกมาเรื่อยๆ ผสมกับกลิ่นหอมจางๆ และความเนียนเป็นครีมของเนื้อฟัวกราส์

หอยเชลล์ย่างซอสไวน์ขาว (Seared Scallop with White Wine Sauce) – เมนูเป็นเมนูของพี่สาวที่ไปด้วยกันนะครับ เห็นนางบอกว่า อร่อยใช้ได้เลย หอยเชลล์ตัวใหญ่ เนื้อเน้นๆ เป็นไซต์ที่ใช้เสิร์ฟเป็นชิ้นสเต็ก สีขาวนวล ผัดกับซอสไวน์ขาว เปรี้ยวนิดๆ ปรุงให้พอดี เพื่อคงรสสัมผัส นุ่ม เด้งของหอยไว้

โดยพี่สาวบอกให้ให้ค่อยๆ กินเนื้อหอยเชลล์พร้อมซอสไวน์ขาวเพื่อจะได้ลิ้มรสได้เต็มที่ เป็นการกินที่ละเมียดละไม ได้อรรถรสดี

ครัว และโซนอาหาร

สำหรับเมนูอื่นๆ อีกมากมายที่สามารถกินได้แบบไม่อั้น จะแบ่งสัดส่วนไปตามครัว และโซนอาหารในจุดต่างๆ ของร้านอาหาร และยังให้บริการในรูปแบบบริการแบบ New Normal ดังนี้

เรามาไล่ดู ไล่ชิมกัน ทีละครัว ทีละโซนอาหารว่ามีอะไรกันบ้าง ตามมาเลยครับ

ครัวซีฟู้ดออนไอซ์ (Seafood On Ice Station)

มีเมนูบริการดังนี้

หอยนางรมสุราษฎร์ธานี (Surat Thani – Thai Fresh Oyster) – เสิร์ฟครั้งละ 2 ตัว สามารถรับได้ที่ครัวซีฟู้ดออนไอซ์ได้เลย โดยน้องๆ พนักงานจะแกะเตรียมไว้ให้ พร้อมเสิร์ฟบนจาน รวมกับเครื่องเคียง และน้ำจิ้มซีฟู้ด จากการชิมเนื้อหอย คือเด้งสุด สดสุด เพราะยังสามารถสัมผัสได้ถึงเอ็นของหอยนางรมที่ยังเป็นขั้วๆ แน่นๆ ได้อยู่เลย สดที่สุดเท่าที่เคยกินบุฟเฟ่ต์นานาชาติหลายๆ ที่ (ณ ปัจจุบัน) หวาน ฉ่ำ หนึบ เด้ง จะกินเย็นๆ สดๆ เปล่าๆ ก็ได้ หรือจะกินกับเครื่องเคียง และน้ำจิ้มซีฟู้ดก็ดีไปอีกแบบ ส่วนซีฟู้ดออนไอซ์ตัวอื่นๆ ทั้งหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ และกุ้วขาวก็สดใช้ได้เช่นกัน แต่หอยนางรมจากสุราษฎร์ธานีคือนางเอกของครัวนี้เลยครับ

ครัวของทอด (Deep Fried Station)

มีเมนูบริการดังนี้

*หมายเหตุ โดยปกติบุฟเฟต์นานาชาติหลายๆ ที่มีมนูสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในรอบวัน แต่สำหรับที่ Copper จะมีเพียงโซนของทอด 1 เมนูที่มีการปรับเปลี่ยนในวันแต่ละวันในรอบอาทิตย์ นั้นคือ ปลากะพงทอดน้ำปลา (Deep Fried Sae Bass with Fish Sauce) จะสลับกับ แก้มปลาแซลม่อนย่าง (Salmon Kama Shio Yaki)

ทอดสดใหม่ตลอด เติมใหม่สม่ำเสมอ และทอดครั้งละไม่เยอะเพื่อไม่ให้อาหารเก่าเพราะปกติของทอดจะมีอายุอาหารค่อยข้างสั้น สำหรับการสั่งอาหารที่ครัวนี้นั้น สามารถสั่งตามหมายเลขเบอร์ 1-4 ตามรูปแบบ และจำนวนที่ต้องการกับน้องพนักงานได้เลย ของ ภพ สั่งหมายเลข 4 มา นั้นคือรวมทั้ง 3 เมนูครับ

ครัวซุปเห็ดทรัฟเฟิล (Truffle Soup Station)

มาถึง Copper Buffet ทั้งที ต้องห้ามพลาดต้องกินให้ได้นั้นคือเมนู “ซุปเห็ดทรัฟเฟิ้ลในตำนาน” (Truffle Soup) – ซุปครีม Signature ของห้องอาหาร Copper Buffet ที่ใครๆ ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “อร่อย” ทั้งลูกค้า และคนวงการบล๊อกเกอร์

ซึ่งเป็นเรื่องจริงเลยครับ ซุปมีความอร่อยที่แตกต่างจากที่อื่นๆ มวลชุปครีมหนักแน่น แต่มีความนุ่ม ละมุน มีกลิ่นหอมจากน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิลเบาๆ ที่ลงตัว และกลมกล่อม ไม่ได้มีกลิ่น และรสสัมผัสของน้ำมันเห็ดที่รุนแรงจึงเลี่ยน มันปาก เรียกได้กลมกล่อม และลงตัว

สามารถกินคู่กับ “ขนมปังกระเทียม” (Garlic Bread) – ที่อบใหม่ๆ ตลอด อบครั้งละน้อยๆ และไม่เยอะ จึงมั่นใจในความสดใหม่ หอม กรอบเบาๆ สามารถกินเปล่าๆ ได้เลย

แถมยังสามารถ Mix & Match ได้ตามใจ ซึ่งภพลองเอาซุปเห็ดทรัฟเฟิลมาจุ่มกินคู่ กับกุ้งเทมปุระตามบล๊อกเกอร์ชื่อดังท่านนึง “คุณบุ๊ง” – เจ้าของเพจ Close To Heaven Blog ซึ่งอร่อยมาก เข้ากันอย่างไม่หน้าเชื่อ ควรลองอย่างยิ่ง!

ครัวพาสต้า สปาเก็ตตี้ (Spaghetti Station)

มีเมนูบริการดังนี้

เมนูที่ครัวนี้มีหลากหลายไม่น้อย เน้นเมนูพาสต้า สปาเก็ตตี้ปรุงสดใหม่เข้มข้น หอม มัน ทุกจาน

อย่าง สปาเก็ตตี้คาโบนารา (Spaghetti Carbonara) มีความเข้มข้น และหอมคล้ายๆ ชีสวิล แต่จะมีรสสัมผัสความหนักกว่า เพราะเป็นเส้นสปาเก็ตตี้ และรสชาติจะมีความจัดจ้าน และกลิ่นจากเบคอนเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ซึ่งเบคอนเองก็อร่อนใช้ได้ ไม่ได้เค็ม ไม่มัน ไม่เกรียมเกินไป

สปาเก็ตตี้เนื้อวากิว (Spaghetti Wagyu White Wine) ผัด และปรุงรสชาติลงตัว เส้นสปาก็สุกกำลังดี ผัดเข้าเส้น ไม่ได้จัดจ้านเกินไป ไม่มันเลียน หอมกระเทียม และพริกทอด เนื้อวากิวหั่นชิ้นเต๋าพอดีคำ หนา นุ่ม สุกกำลังดี ไม่มีกลิ่นสาป

สปาเก็ตตี้เส้นดำซีฟู้ด (Spaghetti Seafood) ใช้เส้นสปาเก็ตตี้หมึกดำต้มสุก และปรุงกำลังดีเช่นเดียวกับเมนูพาสต้าที่ผ่านมา หอมน้ำมันมะกอกอ่อนๆ แต่ไม่มันเยิ้ม ไม่เลี่ยน ผัดแห้งกำลังดี เครื่องทะเลพอควร เมื่อเทียบปริมาณเส้น ทั้งกุ้ง และหอย สด เด้ง และสุกกำลังดี

ชีสวิลพาสต้า (Angle Hair Truffle) – เมนูนี้คนชอบพาสต้า ครีม และชีส (อย่าง ภพ) ต้องห้ามพลาด ทางร้านใช้เส้น Angel hair ที่เรียวเล็ก และมีคุณสมบัติในการซึมซับรสชาติของซอสเป็นพิเศษ มาต้มให้สุกกำลังดี ปรุงเข้ากับซอสครีมร้อนๆ ที่มีความเข้มข้น แล้วนำลงไปผสมกับชีสในก้อนพาเมซานชีสขนาดใหญ่แบบจัดเต็ม จนได้รสชาติ และรสสัมผัสที่พอดี หอมลงตัว เวลากินแล้วจะรู้สึกถึงความเข้มข้นของครีม และชีส แต่เบาเพราะเส้นที่เรียวเล็กของ Angel hair อย่างมีเอกลักษณ์

นอกจากเมนูพาสต้า และสปาเก็ตตี้จะมีเมนูที่แปลกแยกออกมาคือ ข้าวกะเพราเนื้อวากิวไข่ออนเซน (Stir Fried Wagyu with Spicy Holy Basil and Onsen Tamago) – ที่รู้สึกโดดเด่น และเตะตาสุดสำหรับเมนูนี้คือ ไข่ออนเซ็นที่เสิร์ฟมาพร้อมกัน เพราะมันทั้งดูใส เป็นมันว้าว นุ่ม และดึ๋งๆ ยั่วให้น่าตักกินมากๆ มาพร้อมพระเอกผัดกะเพราะเนื้อวากิวที่ปรุงได้สุกกำลังดี นุ่ม รสสัมผัสดีจากการที่สไลด์มาเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำ กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ และนางเอกอย่างไข่ออนเซ็นเยิ้มๆ ด้านรสขาติโดยรวมคือดี หอมกระเทียม ซอสปรุงรส แต่ขาดความเผ็ด และความหอมของกะเพราไปมากพอควรเลยครับ (เมนูนี้เลยแอบผิดหวังเล็กน้อย)

ครัวส้มตำสเด็ด (Somtum Station)

มีเมนูบริการดังนี้

ที่ครัวนี้จะเน้นส้มตำประเภทต่างๆ รวมถึงมีผัดไทยกุ้งแม่น้ำเป็นเมนูแนะนำด้วย (ซึ่ง ภพ ลืมสั่งมาชิมครับ ต้องขออภัยด้วย)

สำหรับส้มตำขอพูดเป็นภาพรวม คือรวมๆ แล้วโอเคด้วยวัตถุดิบที่สดใหม่ มะละกอกรอบ นุ่ม ตำพอดี ไม่ช้ำ รสชาติโอเค (สั่งโดยไม่ได้คอนเม้นเพิ่มเติมอะไรเป็นพิเศษ)
ได้ชิมตำปู และปลาร้า รสชาติติดหวานชัดเจนพอควร และตำปลาร้ารสชาติเค็มโดด แต่โดยส่วนตัวส้มตำเป็นเมนูที่ปรุงใหม่ๆ จึงสามารถให้น้องๆ พนักงานปรับรสตามต้องการได้

ครัวญี่ปุ่น ซูชิ ซาชิมิ และอื่นๆ (Sushi & Sashimi Station)

สำหรับซูชิมีเมนูบริการดังนี้

หมายเหตุ แต่หากต้องการสั่งซูชิต้องไปสั่งที่ครัวสปาเก็ตตี้นะครับ

สำหรับซูชิหน้าต่างๆ โดยรวมแล้ว ตัวข้าวปั้นปั้นมาแน่น และติดกันดี ปริมาณข้าวไม่ได้เยอะ หรือก้อนใหญ่เกินไป ตัวข้าวมีการปรุงให้มีรสชาติเล็กน้อย ตัวหน้าต่างๆ ของซูชิสด ใหม่ ทั้งปลาแซลมอน กุ้งแดง และปลาช่อนทะเล มีรสสัมผัส กลิ่น และรสชาติที่แตกต่างกัน แต่ก็มีความใกล้เคียงกันด้วยเช่นกัน

ซูชิเนื้อวากิวออสเตรเลีย (Wagyu Sushi) – ชูซิ Signature ของร้าน Copper Buffet อีกอย่างหนึ่งที่พลาดไม่ได้ ด้วยการเสิร์ฟมาในจานดำขนาดใหญ่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมข้าวปั่นซูชิขนาดเล็กจิ๋ว เล็กเท่าปลายนิ้วก้อย ขัดกับชิ้นเนื้อวากิวสไลด์บางแผ่นกว้างเต็มจาน เบิร์นไฟหอมๆ ย่างสุกกำลังดี เพิ่มสีสัน เพิ่มกลิ่นหอม ท้อปด้วยไข่กุ้งเพิ่มรสสัมผัส ตบท้ายด้วยราดซอสสูตรพิเศษ

เวลาคีบขึ้นมา จะใหญ่เท่าหน้าเลยล่ะ แต่แนะนำให้กินกินได้ในคำเดียวจะฟินมากๆ เพราะรสชาติอร่อยลงตัวไม่น้อย ตัวเนื้อวากิวหอม นุ่ม ชุ่ม ฉ่ำ หวานอ่อนๆ จากซอส ตัดกับรสสัมผัสของข้าว และไข่กุ้งที่แตกในปาก

สำหรับซาชิมิมีบริการเมนูดังนี้

หมายเหตุ สามารถสั่งได้ที่ครัวญี่ปุ่นได้โดยตรงนี้ ซึ่งเป็นครัวแยกอยู่มุมขวาในสุดของร้าน

สำหรับการสั่งอาหารที่ครัวนี้จะเหมือนที่การสั่งที่ครัวของทอดครับ คือสามารถสั่งตามหมายเลขเบอร์ 1-3 ตามรูปแบบที่กำหนด และสามารถผสมระหว่าง 1+2 ได้ โดยแจ้งน้องพนักงานได้เลย ของ ภพ สั่งหมายเลข 3 มา นั้นคือเซ็ตปลาดิบรวม

เซ็ตปลาดิบรวม (Sashimi Set) – ประกอบด้วย

ครัวสลัด (Salad Station)

มีเมนูดังนี้

หมายเหตุ เมนูสลัดต่างๆ สมารถสั่งได้ที่ครัวสเต็ก และเมนูย่าง ซึ่งอยู่ติดกับครัวญี่ปุ่น ซูชิ ซาชิมิ และอื่นๆ

สลัดซีซ่าร์ (Caesar Salad) – เป็นสลัดจานนึงที่ ภพ ชอบ และคิดว่าไม่ควรพลาดสำหรับคนรักสลัด จัดจานเสิร์ฟมาหน้าตาน่ากินมาก ผักสลัดสดกรอบ ท็อปด้วยชีส และเบคอนที่ ภพ คิดว่าน่าจะทอดเองใหม่ๆ ไม่อมน้ำมัน รสสัมผัสดี คือไม่ได้กรอบกร๊วบ หรือแข็ง หรือนุ่มจากที่ทอดแล้วยังมีไขมันอยู่บ้าง แต่รสสัมผัสจะอยู่ระหว่างทั้งสองสิ่งนี้ เบคอนไม่เค็ม รสไม่จัด แต่มีกลิ่นที่ค่อนข้างดี เข้ากับน้ำสลัดรสชาติเข้มข้น แต่ไม่จัดจ้านเกินไปควร และหอมชีสจางๆ ที่โรยมา เวลากินคู่กันทั้งหมดคือลงตัวมาก กินเพลินๆ เผลอแปบเดียวก็หมด

ทูน่าสลัด (Tuna Salad) – เสิร์ฟแยกผักสลัด กับเนื้อทูน่า และน้ำสลัด โดยการจัดจานอย่างสวยงามน่ากิน ผักกรอบสด หวาน เนื้อทูน่าเป็นทูน่าสไลด์สดที่ปรุงสุกแล้ว ไม่ได้แห้งฝืดคอ ไม่ได้ใช้ทูน่ากระป๋อง เวลากินจะคลุกพร้อมน้ำสลัดทั้งหมด หรือค่อยๆ แยกผสมกันกินก็ได้ ด้านรสชาติของน้ำสลัดไม่แน่ใจว่าเป็นสลัดอะไร เพราะรสชาติ และกลิ่นของน้ำสลัดค่อนข้างอ่อนคาดทำปรุงเอง

ครัวสเต็ก และเมนูย่าง (Grill and Steak Station)

มีเมนูบริการดังนี้

เมนูสเต๊กต่างๆ ก็มีให้เลือกเด่นๆ ถึง 5 เมนูด้วยกัน เน้นปรุงสดใหม่ ตกแต่งสวยงามตามแนวคิดแบบ Fine Dining สามารถเลือกระดับความสุกได้เองเสิร์ฟพร้อมซอสต่างๆ ตามเนื้อสเต็กที่เลือก

สเต็กเนื้อวากิว เสิร์ฟพร้อมซอสเห็ด (Australia Wagyu Steak) – สเต๊กเนื้อชิ้นหนาขนาดปานกลางเสิร์ฟคู่ซอสเห็ด ลายย่างสวย เลือกระดับความสุกได้ อันนี้สั่งแบบสุกปานกลาง ปรุงได้ดีไม่ต่างจากเนื้อในเมนูพิเศษ แต่มีความต่างด้านคุณภาพ หรือส่วนของเนื้อ เพราะมีฉ่ำของเนื้อ และความนุ่มของเนื้อที่แตกต่างค่อนข้างชัดเจน แต่ก็ยังอร่อยอยู่ หอมเนื้อ นุ่ม ได้ชิ้นเนื้อเป็นชิ้นเป็นอัน การปรุงเน้นไปทางปรุงน้อยๆ เน้นรสชาติของวัตถุดิบที่สดใหม่ สามารถกินคู่กับซอสได้

สเต็กปลาแซลมอน เสิร์ฟพร้อมซอสเทอริยากิ (Salmon Steak) – เนื้อปลาแซลมอนย่าง เสิร์ฟพร้อมซอสเทอริยากิ(Salmon Steak เสิร์ฟซอสเทอริยากิ ลายย่างสวย เนื้อสเต๊กชิ้นขนาดพอประมาณ แต่ค่อนข้างหนา ปรุงสุกมาค่อนข้างสุกไปนิดหน่อย แอบมีแห้งเแข็งเล็กน้อย แต่อยูในเกณฑ์ใช้ได้อยู่ กินคู่ซอสเทอริยากิน หอมหวานได้ความเป็นญี่ปุ่นโดดเด่นขึ้นมาจานนี้ไม่น้อย

สเต็กปลามากุโระ เสิร์ฟพร้อมซอสตะไคร้มิโสะ (Maguro Steak) – เมนูสเต๊กส่วนตัวยกให้จานนี้เป็นที่ติดใจไม่น้อย เป็นเมนูที่หากินตามไลน์บุฟเฟ่ต์ปกติได้ยากมากแถมของที่นี้ก็มีความเป็นเอกลักษณ์ เป็นเมนูสเต๊กที่ค่อยข้างหรู ปรุงให้สุกนอก ดิบจากตรงกลาง เพื่อให้ยังมีรสสัมผัสที่เด้ง แบะความนุ่มจากตรงกลาง และไม่แห้งของเนื้อปลาที่สุก เสิร์ฟแบบหั่นขวางพอดีคำ พร้อมเห็ดหนึบเด้งผัดปรุงรส ตัดรสสัมผัสทเพิ่มความฉ่ำได้ดี

จาก เซ็ตหมู 3 อย่าง (Trio-Pork Menu) – สามชั้นติดซี่โครงเหนี้ยว นุ่ม กำลังดี มีรสชาติอ่อนๆ หอมมันหมู แนะนำให้ทานไปพร้อมๆ กันทั้งชิ้น จะได้รสสัมผัสของชั้นไขมัน ส่วนขาหมูเยอรมันนั้น กรอบกลางๆ ไม่ได้กรอบมาก แต่มีความ ฉ่ำ มัน ไม่แห้ง เนื้อแน่นพอดี และคอหมูทอด ทอดได้สีสวยลงตัว มีความกรอบเล็กน้อย มีความมันแบบคนที่ชอบของมันของทอดชอบ หอมกระเทียมกลางๆ

หมายเหตุ กุ้งแม่น้ำเผาสามารถไปสั่ง และรับได้ที่ครัวส้มตำสเด็ดครับผม และเสิร์ฟจานละ 3 ตัว

กุ้งแม่น้ำเผา (Grilled River Prawn) – ย่างได้สีส้มสวยดี ไม่เกรียมไหม้จนดำ ส่วนเนื้อในก็สุกขาวกำลังดีเช่นกัน เนื้อค่อนข้างหนา และเฉลี่ยเท่ากัน ไม่เล็ก หรือใหญ่หนีห่างจากกันมาก ส่วนความสดอยู่ที่ปานกลาง เด้ง หอมเนื้อกุ้งย่างเล็กน้แย แต่ไม่ได้หวานมาก

ครัวก๋วยเตี๋ยว (Noodle Station)

มีเมนูบริการดังดี

ก๋วยเตี๋ยวเรือสูตรโบราณเนื้อวากิวน้ำตก (Wagyu Beef Original Boat Noodle) – จะทำเป็นก๋วยเตี๋ยวก็ได้ ทั้งเส้นเล็ก และเส้นหมี่ หรือใครกลัวอิ่ม กลัวแป้ง ทำเป็นเกลาก็ดี ปรุงสดใหม่ๆ ร้อน ๆ ในชุปน้ำตกที่กลมกล่อม เนื้อวากิวชิ้นใหญ่ ปรุงสุกปานกลาง น้ำซุปหวาน หอม รสไม่ได้จัด แต่ก็ถูกจริต เนื้อหอมมาก นุ่ม ละมุน และฉ่ำ กินได้ในคำเดียว ในน้ำซุปมีโรยกระเทียมเจี้ยว ซึ่งไม่มันเยิ้ม เป็นอะไรที่ชอบมาก

ครัวต้มยำ (Tom Yum Station)

มีเมนูบริการดังนี้

ต้มยำกุ้งแม่น้ำน้ำข้น (Thai Hot and Sour River Prawn Soup) – ไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ รสชาติปานกลาง กุ้งเด้ง และสดดี แต่ปรุงไม่ถึงเครื่องต้มยำ คือไม่ได้ออกรสเผ็ด แซ่บ เปรี้ยว หรือหวานเป็นพิเศษ ไม่ได้หอมเครื่องต้มยำอย่างที่ควรจะมี

ครัวอาหารไทยจานร้อน (Authentic Thai Hot Dish Station)

มีเมนูบริการดังนี้

มีพระเอกเป็น ขนมจีนน้ำยาปูใบชะพลู (Rice Noodles with Thai Aromatic Crab Curry) – มีเนื้อกรรเชียงชิ้นแน่นๆ ส่วนเนื้อชิ้นขนาดปกติ หอมเนื้อปู สด ด้านรสชาติ หอมเครื่องแกง ไม่หวาน ไม่เผ็ดจัด รสชาติกลางๆ ใบชะพลูนุ่ม ไม่ขม กินคู่กับขนมจีนเส้นนุ่มๆ ขาวๆ (หรือกับข้าวร้อนๆ) มาพร้อมเครื่องอย่าง กะกล่ำปลี ถั่วผักยาว และไข่ยางมะตูมเยิ้มนุ่ม รสชาติรสสัมผัสเข้ากัน เพราะเส้นดูดน้ำแกงไว้พอดีลงตัว ตัดกับความกรอบของผัก

แกงเขียวหวานไก่ (Chicken Green Curry) – ชอบที่เนื้อไก่นุ่ม ไม่มันเลี่ยน ไม่มีกลิ่นสาปไก่ (จากความมันของไก่) รสชาติโดยรวมใช้ได้ แต่โดยส่วนตัวคิดว่าขาดความมัน และความหอมกะทิ และเครื่องแกง (รสความเป็นแกงเขียวหวานอ่อนไปหน่อย)

ปลาดอลลี่นึ่งมะนาว (Steamed Dory with Spicy Lame Sauce) – ปลาดอลลี่สด เนื้อแน่น สุกพอดี ไม่สุกเกินไปจนกระด้าง หอมพริก ไม่หวาน ไม่เผ็ด แต่ไม่จืดชื่น กำลังพอดี

ขาหมูพะโล้ (Strew Pork Leg) – เมนูนี้ค่อนข้างหอมเครื่องพะโล้อ่อนๆ ไม่หวาน ส่วนตัวคือชอบรสชาติประมาณนี้ เพราะปกติจะเจอแต่พะโล้หวานๆ ด้านขาหมู เนื้อนุ่ม สดใช้ได้ แม้จะเป็นส่วนหนัง และมัน แต่ไม่ได้มีความมันมากมาย และไม่มีความมันที่เกินลงไปในน้ำพะโล้ ส่วนไข่ก็ค่อนข้างสุกพอดีใช้ได้

ครัวของหวาน (Dessert Station)

มีเมนูบริการดังนี้

หมายเหตุ เมนูขนมต่างๆ สั่งครัวสเต๊ก และเมนูย่างนะครับ

ฮันนี่โทร์สของที่นี่มีความพิเศษ เพราะจะมี 2 ซอสให้เลือกคือ ฮันนี่ บรีออช โทสต์ (Honey Brioche Toast) และ ฮันนี่โทสต์ไข่เค็มลาวา (Honey Brioche Toast Lava with Salted Egg Sauce)


ทั้งฮันนี่โทร์สน้ำผึ้งอย่างเดียว และฮันนี่โทร์สน้ำผึ้งซอสไข่เค็มนั้น ตัวขนมปังเหมือนกันทั้งสองซอส เนื้อขนมปังเหนียวนุ่มอบมาพร้อมเนยเล็กน้อย หอม นุ่ม ฉ่ำกลางๆ ไม่ได้มันเยิ้มเนย ไม่ได้อบมากรอบแข็ง แต่จะมีความเกรียมของขอบนอกนิดๆ ให้มีพอมีกลิ่น และสีที่น่ากิน โรยด้วยแอลมอนสไลด์ ได้รสัสผมผัสกรอบเล็กน้อย ด้านซอสถ้าเป็นน้ำผึ้งจะราดมาเล็กน้อยให้พอหวานๆ หอมน้ำผึ้งเบาๆ แต่ถ้าเป็นซอสไข่เค็มจะราดมาพอดีกับปริมาณขนมปัง และมีรสชาติและรสสัมผัสที่ดีคือ ซอสจะมีกลิ่นหอมของไข่เค็ม เนียนเป็นซอส ไม่มีความสากของเนื้อไข่แดง หรือเกลือๆ กินคู่กับขนมปังแล้งลงตัว

ช็อคโกแลตลาวา เสิร์ฟพร้อมซอสราสเบอร์รี่ (Chocolate Lava with Raspberry Sauce) – เป็นขนมหวานอีก 1 เมนูที่แนะนำ เสิร์ฟอุ่นๆ หอมๆ ช็อกโกแลต ไม่หวานแหลมแต่หวานพอดี ลงตัว ไม่ทำลายความหอม และขมอันเป็นเอกลักษณ์ของโกโก้นัก ซึ่งดี เป็นอะไรที่ชอบมาก เพราะปกติจะเจอแบบหวานแหลมบาดคอ จนไม่อยากกินต่อครับ นอกจากนี้ยังมีซอสราสเบอร์รี่เสิร์มมาให้ตัวเลี่ยนอีกด้วย

วาฟเฟิล เสิร์ฟพร้อมซอสคาราเมล (Waffle Served with Caramel Sauce) – เป็นอีกเมนูที่ทำให้แปลกใจเพราะมีความเชื่อว่าที่ไหนวาฟเฟิลก็คือวาฟเฟิลปกติธรรมดา แต่เมื่อได้ลองแล้วจะรู้สึกได้ถึงความแตกต่างของเนื้อแป้งที่นุ่มผิดไปจากปกติ เป็นสัมผัส และกลิ่นที่ดี หอมเนย ค่อนข้างละมุ่น เบา กินกับซอสคาราเมลที่ไม่ได้หวานมากแล้วเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ

พานาคอตต้าวานิลา (Vanilla Panna Cotta) – ต้องใช้คำว่า “ว้าว” ไม่ใช่เล่นๆกับเมนูนี้ มีความเด้งดึ๋ง นุ่ม เบา ละมุน แถมยังใช้ฝักวนิลาแท้ๆ แต่งกลิ่น (เป็นผงดำๆ ในเนื้อขนม) ซึ่งปัจจุบันมีราคาที่สูง และใช้เบอร์รี่สดในการทำซอสอีกด้วย ส่วนรสชาตินั้นเป็นอะไรที่ถูกปาก ถูกจริตเป็นอย่างมาก หอม หวานน้อยๆ ฟินสุดๆ

คอฟฟี่ครีมคาราเมล (Coffee Cream Caramel) – เป็นของหวานอีกตัวที่ไม่อยากให้พลาด เนื้อคัสตาร์ดเนียน นุ่ม หอมมัน ละมุน หวานน้อย กำลังดี หอมกลิ่นกาแฟเล็กน้อย เห็นว่าใช้กาแฟสด วานิลาแท้ และใช้น้ำนมนำเข้า เสิร์ฟพร้อมวิปปิ้งครีมเกรดดีของฝรั่งเศล กินแล้วสดชื่น

ขนมโค (Plam Suga Dumping in Coconut Milk) – เป็นขนมที่ทำจากแป้งสอดไส้มะพร้าวทีขูดเป็นเส้นเสิร์ฟแบบอุ่นๆ ในน้ำกะทิหอมๆ เป็นขนมไทยพื้นบ้านโบราณของภาคใต้ มีคล้ายขนมต้มขาวของภาคกลาง แต่จะแตกต่างกันที่ไส้ข้างใน ไส้ของขนมต้มขาวจะทำจากมะพร้าวทึนทึกขูด ผัดกับน้ำตาลมะพร้าว  แต่ไส้ของขนมโคจะเป็นน้ำตาลแว่นที่ทำจากตาลโตนดหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แทน โดยของที่ Copper Buffet จะมีรสชาติหวานอ่อนๆ เบาๆ มีความหนึบ นุ่ม กรอบ ไปพร้อมๆ กัน ส่วนตัวชอบมาก เพราะชอบอะไรที่ทำจากมะพร้าว และกะทิเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย ปัจจุบันขนมชนิดนี้หากินได้ยากขึ้นเรื่อยๆ

ครีมบูเล่ (Crème Brûlée) – ยอมให้กับครีมบลูเล่ที่นี้ที่เดียว ณ ตอนนี้ อร่อยยยยมากๆ จริงๆ เป็นขนมที่เกลียด และไม่ชอบเลยมันเพราะโดยปกติจะเป็นเมนูที่หวานมาก หวานจนปาดคอ แต่พอได้ลองชิมของที่นี้แล้วคือดีงามมาก รสชาติหวานกำลังดี คือเซอร์ไพรส์มาก กินคู่ตัวครีมคัสตาร์ดข้างใต้ก็จะได้รสสัมผัสนุ่มนวลตัดกับแผ่นน้ำตาลด้านบนที่ไม่ได้มีความแข็งจนเกินไปได้อย่างลงตัว

และนอกจากมีขนมหวานที่ทำสดใหม่แล้วยังมี ซาลาเปาไส้ไข่เค็มลาวา (Original lava Bun) จาก Phoenix Lava อีกด้วย – ตัวนี้ตอนที่เสิร์ฟมาไม่รู้ว่าตั้งทิ้งไว้นานหรือยังไง แต่มาตอนที่ไม่ร้อนเท่าไหร่แล้ว แต่ไส้พอจะเยิ้ม และทะลักอยู่บ้าง ด้านรสชาติค่อนข้างเฉยๆ ไม่ได้ว้าว ไม่ค่อยได้กลิ่นของไข่เค็ม แต่รสสัมผัสโอเค

และมี บาร์ไอศกรีม (Ice Cream Bar) อีก 8 รส ให้กินอีก ดังนี้

เป็นไอศครีมโฮมเมดทั้งหมด โดยรวมคือมีเนื้อเนียนนุ่ม เนื้อเหนียวกำลังดี มีรสชาติ และกลิ่นเด่นในแต่ละรส แต่ไม่ได้จัดจ้านมาก มีความหวานน้อย หวาน หวานเปรี้ยว เปรี้ยว ไปตามรสชาติชองแต่ละรส ที่ทำให้กินแล้วไม่เลียน กินได้เรื่อยๆ ไอศกรีมแนะนำคือ วนิลา (ใช้ฝักวานิลาแท้เช่นกัน) ช็อกโกแลต มะพร้าวอ่อน และชาเขียว

คอปเปอร์ ไนโตร บาร์ (Copper Nitro Bar)

บาร์เครื่องดื่มใหม่จากร้าน Copper Buffet นวัฒกรรมจากประเทศเยรมัน ที่มีมูลค่าร่วมถึงหนึ่งล้านบาทเลยทีเดียว เป็นการบริการเครื่องดื่มจากการดึงเอาไนโตรเจนในอากาศธรรมชาติเข้าไป โดยไม่มีการอัดแก๊สเข้าไปแต่อย่างใด ทำให้เครื่องดื่มที่ออกจาก Nitro Bar มีความนุ่มนวล ละมุนกว่าเครื่องดื่มทั่วๆ ไป

เป็นครั้งแรกและ…ที่เดียวของประเทศไทย
มูลค่าร่วม 1 ลา้นบาท จากประเทศเยรมัน
เป็นการดึงเอาอากาศธรรมชาติอัดก๊าสเข้าไปในครื่อง
ผลิตเครื่องดื่มไนโตรได้ทันที
โดยที่ไม่ใช้แก๊สไนโตร

Copper International Buffet

เครื่องดื่มจาก Copper Nitro Bar จะมีทั้งหมด 5 ชนิด ดังนี้

โดยเครื่องดื่มแต่ละตัวจะมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องดื่มนั้นๆ อยู่แล้ว ซึ่งเครื่องดื่มทั้ง 5 ของ Copper Buffet จะเป็นความหวานที่น้อย และค่อยข้างกลมกล่อม มีความหอมปานกลางๆ และเมื่อผ่านเครื่อง Intro Bar จะทำให้รสสัมผัสโดนเด่นขึ้นมาก คือ นุ่ม ฟู เบา จากการดึงเอาแก๊สไนโตรเจนในอากาศเข้าไปไว้ในเครื่องดื่มนั้นเอง

ซึ่ง 5 เมนู ภพ คิดว่าแล้วแต่คนชอบ หากใครชอบเมนูไหนให้จัดได้เลยครับ ส่วนตัว ภพ ชอบ “ชานมไตหวัน” มากที่สุดครับ เพราะ หอมชา หอมนม หวาน มัน อ่อน ละมุ่น และฟู เบา

สุดท้ายนอกจากเครื่องดื่ม คอปเปอร์ ไนโตร บาร์ แล้วยังมี บาร์เครื่องดื่ม (Beverage Bar) ปกติอย่าง ชา กาแฟ นม ซอฟดริ้ง น้ำดื่ม ไว้บริการครบทั้งหมดอีกด้วย แต่ด้วยมาตรการ New Normal จึงต้องให้น้องๆ พนักงานเป็นคนมารับออร์เดอร์ และกดเสิร์ฟให้นะครับ


การเดินทาง (สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัว)

การไปกินข้าวที่ร้าน Copper Buffet ใครๆ ก็บอกว่าไกล…ใช่ครับ ภพ เองก็คิดว่าไกลครับ เพราะ หากเพื่อนๆ อาศัยอยู่ที่กลางเมืองกรุงเทพฯ อย่าง ภพ อยู่ในย่านลาดพร้าวแล้วล่ะก็ Copper Buffet ที่ตั้งอยู่ใน The Sense ปิ่นเกล้านั้น ห่างออกเป็นระยะทางกว่า 20 กิโลเมตรเลยทีเดียว ซึ่งถ้าไม่มีรถส่วนตัวในการเดินทางก็จะค่อนข้างลำบาก จึงเป็นเหตุผลนึงที่ทำให้ ภพ ไม่ได้ไปใช้บริการที่ร้านนานหลายปี แต่ปัจจุบันนั้นต่างออกไปเพราะตอนนี้เรามี “รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน” ที่ทั้งง่าย สะดวก สบาย ราคาไม่แพง วิ่งผ่านถนนจรัญสนิทวงศ์ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ที่ตั้งของร้านแล้วนะครับ

ซึ่งหากเพื่อนๆ สามารถเดินทางมาใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ได้ล่ะก็ การเดินทางก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป โดย ภพ เดินทางจาก MRT สถานี “ลาดพ้ราว” มาลงที่ MRT สถานี “บางยี่ขัน” เพียงแค่ 37 บาท ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเท่านั้น จากนั้นให้เดินออกมา ประตูทางออกที่ 4 ไปที่ป้ายรถประจำทางหน้าซอย “จรัญสนิทวงศ์ 40/1”

จะเห็นได้ว่าจาก MRT สถานี “บางยี่ขัน” ไปยัง The Sense ปิ่นเกล้า หากกันแค่ 1.7 กิโลเมตร หรือใช้เวลานั่งรถไปเพียง 4 นาที เท่านั้นเอง โดยสามารถเดินทางได้ดังนี้

และวิธีสุดท้ายคือ การเดินไป… ใช่ครับ ภพ เดินไปอ่านไม่ผิดหรอก (ฮา) ภพ ใช้วิธีเดินไปครับ ซึ่งจาก Google Map แล้วใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาที สบายๆ สำหรับ ภพ มาก การเดินเป็นวิธีปกติที่ ภพ ชอบนะ เพราะเป็นการได้ใช้พลังงานก่อน หรือหลังการกิน ได้สำรวจเส้นทางต่างๆ มองสิ่งแวดล้อมต่างๆ ประหยัดงบ (แต่อาจไม่ประหยัดเวลา) และควรหาผ้าปิดปากกกันฝุ่นต่างๆ หมวก หรือร่มกันแดดด้วยก็ดี โดย ภพ เดินไปตามเส้นทางถนนเส้นหลักที่รถประจำทางขับผ่านครับ จะมีจุดสังเกตให้เพื่อนๆ ด้วย

โดย ภพ เริ่มเดินจาก MRT สถานี “บางยี่ขัน” มุ่งตรงสู่แยก “จรัญสนิทวงศ์-บรมราชชนนี” ให้เลี้ยวขวาเข้า “ถนนบรมราชชนนี” แล้วมุ่งหน้าตรงไปเรื่อยๆ ผ่าน “เทสโก้ โลตัส ปิ่นเกล้า” และ “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ปิ่นเกล้า” ซึ่งอยู่ซ้ายมือ และขวามือตามลำดับ มุ่งหน้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผ่าน “เซ็นทรัลปิ่นเกล้า” ซึ่งอยู่ซ้ายมือ

หากเพื่อนๆ ถึงบริเวณนี้แล้ว หากนั่งรถมา หรือขับรถมา ให้เตรียมตัวลง และชะลอรถแล้วชิดซ้ายไว้ได้เลยครับ เพราะ The Sense ปิ่นเกล้าอยู่ติดกับเซ็นทรัลปิ่นเกล้า เลยครับ ซึ่งทางเข้าของ The Sense ปิ่นเกล้า จะอยู่ถัดไปจาก “ซอยบรมราชชนนี 15” พอดิบพอดี ก็ให้ลงจากรถ หรือเลี้ยวซ้ายเข้าไปจอดในศูนย์การค้าได้เลย เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าเดี๋ยวนี้เดินทางไปใช้บริการได้อย่างง่ายดาย สะดวก สบายมาก และเสียเงินง่ายตามไปด้วยล่ะ (ฮา)


⏱ รอบ และเวลาในการใช้บริการ

ร้าน Copper Buffet เปิดให้บริการรอบละ 2 ชั่วโมง ทางร้านงดให้บริการบุฟเฟ่ต์ที่มีไลน์อาหารที่ลูกค้าตักเองหรือหยิบเอง แต่สามารถให้บริการอาหารบุฟเฟ่ต์จากรายการอาหารได้ ลูกค้าต้องเข้าแถวเพื่อสั่งอาหาร พนักงานจะนำไปเสิร์ฟ หรือบางเคาน์เตอร์ยืนรอรับได้เลย โดยเว้นระยะห่างตามมาตรการของภาครัฐ สำหรับโต๊ะที่นั่งจะมีฉากกั้น และ มีการเว้นระยะห่าง ตามมาตรการของภาครัฐ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด (ไม่สามารถรวมโต๊ะหรือนำเก้าอี้มาต่อเติมได้) และงดนำเครื่องดื่มแอลกอฮอทุกชนิดเข้ามาดื่มในร้านและทางร้านไม่มีจำหน่าย

รอบเวลา สำหรับลูกค้าที่มาจำนวนคู่ (2, 4 ,6 ,8 ท่าน)

วันจันทร์ – วันพุธ มี 3 รอบ คือ

วันพฤหัสบดี – วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ มี 4 รอบ คือ

รอบเวลา สำหรับลูกค้าที่มาจำนวนคี่ (1, 3 ,5 ,7, 9 ท่าน)

วันจันทร์ – วันพุธ มี 1 รอบ คือ

วันพฤหัสบดี – วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ มี 1 รอบ คือ

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์: https://bit.ly/2N3ls6e


📊My Score (In my opinion)

และข้อเสนอแนะ และปัญหาที่พบสำหรับห้องอาหาร (ไม่มีเจตนาในการทำให้เสียเครดิตแต่อย่างใด)
Suggestions and problems found for the restaurant. (DO NOT for DISCREDIT)

The Food ⭐⭐⭐⭐+

มีจุดติน้อยมากๆ เพียง 2-3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น โดยรวมวัถตุดิบอาหารสด สะอาด มีคุณภาพมาก เมนูในแต่ละครัว แต่ละโซนอาหารที่ให้บริการ มีความน่าสนใจ มีความหลากหลาย แม้จะได้ Full เท่าในไลน์บุฟเฟต์ปกติ แต่มีทั้งไทย ต่างประเทศ ฟ้วชั่น มีความร่วมสมัย เมนูถูกคัด และค่อนข้างจะถูกคิดมาแล้ว ทั้งรสชาติ รสสัมผัส และหน้าตา การตกแต่งที่สวยงามชวนกิน เป็นอาหารตาไปพร้อมๆ กัน ซึ่งเป็นปัจจัยต่างๆ ของอาหารรูปแบบ Fine Dining แต่อันนี้นำมาบริการในรูปแบบบุฟเฟ่ต์ ซึ่งยกระดัยจากบุฟเฟ่ต์ธรรมดา ค่อนข้างลงตัว ตั้งแต่อาหารคาวไปจนถึงอาหารหวาน รสชาติถูกปาก เพราะโดยปกติหากเป็นอาหารยุโรปทั่วไปจะหวาน จะเค็ม จะหนักเครื่องเทศแบบขัดเจน แต่เพราะเป็นแนวอาหารฟิวชั่นสมัยใหม่ จึงกลมกล่อมขึ้น อร่อย ถูกจริต รสชาติค่อนข้างพอดีๆ ค่อนไปทางกลางๆ แต่ไม่จืดชืด โดดเด่นที่รสผัสต่างๆ ความสดใหม่ ความมีคุณภาพของวัตถุดิบแทน ทำให้มีเอกลักษณ์ในแต่ละจาน เลือกใช้วิธีการปรุงต่างไป ตามเหมาะสมกับชนิดอาหาร และให้ปริมาณที่พอเหมาะในการเสิร์ฟแต่ละครั้ง

The Atmospheres ⭐⭐⭐⭐+

เป็นห้องอาหารที่ยังรู้สึก Enjoy eating กันมากอยู่ครับ ซึ่งบรรยากาศดีมาก แม้ไฟที่นี่ยังบรรยากาศดีตั้งแต่ความรู้สึกแรกที่ได้พบจากผู้คน คือการบริการจากน้องๆ พนักงาน คนครัว เชฟต่างๆ ไปจนถึงบรรยากาศในร้านอาหาร เรียบหรู ดูสุขุม มั่นคง อบอุ่น จากโทนสีทองแดงตามชื่อของร้าน ตกแต่งดูดี มีเอกลักษณ์ ร่วมสมัย สะอาดตา มีแสงแดดธรรมชาติรอดผ่านส่องเข้ามาตามช่องของหน้าต่างปานใหญ่ ทำให้สว่าง สดใส ปลอดโปร่ง ชวนผ่อนคลาย ห้องอาหารมีขนาดใหญ่ มีพื้นที่กว้างขวาง ใช้บริการได้สะดวก มีครัวเปิดตามโซนต่างๆ ทั่วทั้งห้องอาหาร ไว้ให้ได้ชมเชฟขณะปรุงอาหารมาเสิร์ฟ จึงทำให้ได้ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และการสัมผัสรับรู้ ได้อรรถรสในการกินอาหาร ในบ้างมุมเป็นจุดเช็คพอตที่สามารถถ่ายรูปสวยๆ ขึ้นโปรไฟล์สวยๆ ได้

The Service ⭐⭐⭐⭐++

การบริการดีมาก เกินมาตรฐาน เหนือความคาดหวังไปไกลพอควร นับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาที่หน้าร้าน น้องๆ พนักงาให้บริการอะไรก็จะสอบถาม และขออนุญาตก่อนเสมอ มีการกล่าวขออนุญาต กล่าวขอบคุณลูกค้าอยู่บ่อยครั้ง สุภาพ เป็นกันเอง มีใจบริการ ทำตามมาตรฐานของร้าน และกฎของภาครัฐอย่างเคร่งครัด บริการรวดเร็ว ให้คำแนะนำในการใช้บริการได้อย่างดี และละเอียด เพื่อประโยชน์ของลูกค้า หลายการบริการไม่จำเป็นต้องร้องขอก่อน แต่น้องพนักงานจัดเตรียมไว้ให้แล้ว อีกทั้งทางร้านเตรียมพัดลมทำความเย็นไว้ให้บริการขณะรอเข้าร้านแสดงถึงความใส่ใจลูกค้าที่ตั้งใจมาใข้บริการ ด้านการบริการในร้านอาหารเองก็เช่นกัน การปรุง การเสิร์ฟ ก็รวดเร็ว ใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ เก็บจาน เคลียร์จานรวดเร็ว ยังรักษามาตราฐาน และมาตรการของภาครัฐอย่างเคร่งครัดไว้เช่นเคย เช่น มีการเตือนลูกค้าให้ใส่ผ้าปิดปากเสมอ หากลืมนำมาก็จะไม่อนุญาตให้ใช้บริการ ให้กลับไปหยิบก่อน การหยิบจับภาชนะต่างๆ ก็เช่นกัน พนักงานจะเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด เป็นต้น

The Worthiness ⭐⭐⭐⭐+

โดยรวมแล้ว ภพ ว่าคุ้มมากในราคาระดับนี้(เริ่มต้นที่ 999) เมื่อเทียบทั้งคุณภาพ รสชาติ ปริมาอาหาร บรรยากาศการบริการที่ดีของน้องๆ พนักงาน ที่ดีเกินเกณฑ์ไปเยอะ ด้านการเดินทางเอง เดี๋ยวนี้ก็สะดวกสบายกว่าเมื่อก่อนเยอะ อีกทั้งเพิ่มเติมด้วยการบริหารผนวก กับการแนวคิด ความเข้าใจ ความใส่ใจต่างๆ ที่นำเสนอกับลูกค้าแล้วถือว่าได้ใจไปเยอะมาก นอกจากนี้แล้ว ก็ให้ภาพในรีวิวมันเล่า และจะดีกว่านั้นก็อยากให้ไปลองพิสูจน์กด้วยตัวเองกันครับผม

Note: ใครสนใจสามารถจองโต๊ะได้จากลิงค์: https://bit.ly/2N3ls6e (ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น Walk-in ไม่ได้ )


ขอบคุณที่ติดตามครับผม

Thank you for enjoying my blog!

World’s Delight เพราะความสุขชื่อมโยงคน

Because People Can Be Connected By Good World.

————————————————————————————————

ทุกคนสามารถติดตาม/Please Follow

World’s Delight ช่องทางอื่นได้ที่

World’s Delight

Facebook

Readme

Youtube

Instragram

Twitter

หมายเหตุ : บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้นนะครับ ซึ่งคนอื่นๆอาจมีความคิดเห็นที่แตกต่างไปตามวันเวลาที่ไปใช้บริการ

#ภพความสุข #Worldsdelight #WD #WDL #Pobslife
#รีวิว #อร่อยบอกต่อ #ไลฟ์สไตล์ #lifestyle

#Copperbuffet #อร่อยอย่างมีระดับกับคอปเปอร์บุฟเฟ่ต์ #onlythefinest #CopperBuffetNewNormal #NewNormal #มาตรการคอปเปอร์ #Onlyatcopper

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *